fbpx
จดหมายถึง โคบี ไบรอันต์

จดหมายถึง โคบี ไบรอันต์

พิมพ์ชนก พุกสุข เรื่อง

ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ

 

สวัสดีค่ะคุณโคบี ไบรอันต์

ทักทายไปอย่างนั้นเอง ก็รู้ คุณคงอ่านภาษาไทยไม่ได้ และถึงอ่านได้ คุณคงไม่มีโอกาสได้อ่านมันอยู่ดี

ไม่เคยคิดมาก่อน คุณเองก็คงไม่คิดเหมือนกัน และก็คงไม่มีใครคิดด้วย ว่านั่นจะเป็นแสงเช้าของวันอาทิตย์ที่คุณและผู้คนบนเฮลิคอปเตอร์ –รวมถึง เจียนนา ลูกสาววัยสิบสาม–  จะได้เห็นเป็นแสงสุดท้าย ฉันยังจำความรู้สึกตอนตื่นขึ้นมากลางดึก เลื่อนอ่านข่าว แวบแรกที่ชื่อคุณปรากฏบนพาดหัวคู่กับคำว่า ‘เสียชีวิต’ ฉันหวังแค่ว่ามันจะเป็นข่าวลวง และอดทนรอต่อไปอีกชั่วโมงกว่าเพื่อจะพบว่า ในที่สุดแล้ว คุณก็จากไปอย่างเป็นทางการ

อันที่จริง มันไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่ชื่อของคุณจะเป็นหนึ่งในพาดหัวหลักของทุกสื่อ ตลอดชีวิตยี่สิบปีของการเป็นนักบาสเก็ตบอลอาชีพ ไม่มีปีไหนเลยด้วยซ้ำที่ชื่อคุณไม่ปรากฏในข่าวกีฬา และขยับขยายพื้นที่เรื่อยมาจนถึงแวดวงคนดัง แฟชั่น ไปจนถึงรางวัลออสการ์ที่จารึกชื่อคุณเป็นหนึ่งในคนที่คว้ารางวัลผลงานแอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยม คุณกลายเป็นคนของแอล เอ เลเกอร์ส และลอสแองเจลิส อย่างเต็มตัว อดีตเด็กชายจากฟิลาเดลเฟียคนนั้นที่เคยโยนก้อนถุงเท้า –ซึ่งแกล้งทำเป็นว่ามันคือลูกบาส– น่าจะภูมิใจในตัวคุณมากๆ เลยนะ

คุณมาไกล มาไกลเหลือเกิน คุณได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของบาสเก็ตบอลและลีก NBA ไปแล้วโดยปริยาย ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

ฉันรู้จักคุณครั้งแรกก็จากโอลิมปิกปี 2008 คุณคือนักกีฬาที่สวมเสื้อหมายเลข 10 ไม่ได้ตัวสูงหรือตัวเล็กไปกว่าค่าเฉลี่ยนักกีฬาคนอื่นๆ (198 ซม. ดูจะเป็น ‘ค่ากลาง’ ของบาสเก็ตบอลเนอะ) แต่สิ่งที่ทำให้คุณโดดออกมาที่สุดคือลวดลายการหลบเลื้อยในสนาม ไม่มีใครอีกแล้วที่เจนจัดกับลูกบาสได้มากเท่าคุณ ราวกับมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อฟังแค่คุณคนเดียว มากไปกว่านั้นคือท่าทางอหังการแบบที่แวบแรกก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ

ภาพจำแรกที่มีต่อคุณคือการถล่มทีมจากสเปนเสียยับด้วยการกวดยิงลูกชู้ตสามแต้ม และปิดท้ายความสำเร็จนั้นด้วยการยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก ไม่รู้ว่าคุณกำลังจะบอกสื่อ บอกคนดู หรือบอกใครต่อใคร แต่มันคือสัญลักษณ์สากลที่เราล้วนเข้าใจตรงกันว่าคุณกำลังบอกให้หุบปากและแหกตาดูผลงานที่คุณเพิ่งจะพาทีมคว้าชัยชนะซะ

อาจจะเป็นท่าทีกระหายชัยอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมานั่นแหละที่น่าประทับใจเสียยิ่งกว่าความคล่องแคล่วบนสนาม คุณไม่แยแสเลยที่จะถูกกล่าวถึงว่า ‘ไม่เป็นมิตร’ ไม่แยแสอีกเหมือนกันที่จะถูกมองว่าอยากชนะจนดูไม่มีน้ำใจ และก็ไม่แยแสแม้สักนิดว่าสื่อจะเรียกคุณว่า “ชายเดี่ยว” ฉันเคยสงสัยว่าสิ่งเหล่านี้มันส่งผลอะไรต่อคุณบ้างไหมนะ มันทำให้คุณยิ่งกระหายที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณเป็นฝ่ายถูกหรือเปล่า ยิ่งทำให้คุณดันทุรังกัดฟันสู้ยิบตาเพื่อจะได้ชัยแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยไหม

ฉันเก็บรูปคุณไว้เยอะแยะเลยนะ เอามาตั้งเป็นภาพหน้าจอโทรศัพท์ก็ทำ พับเก็บใส่กระเป๋าสตางค์ก็ด้วย ไม่รู้ว่าทำไม ฉันไม่ได้เชื่อว่าคุณจะนำโชคอะไรมาให้ทั้งนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกดีเหมือนว่าเราได้มีอะไรสักอย่างที่เป็นตัวแทนความดุเดือดเลือดพล่านไว้ใกล้ๆ ตัว มานั่งย้อนมองอีกที สมัยที่คุณดราฟต์เข้าลีก NBA ใหม่ๆ คุณเพิ่งอายุแค่สิบแปด คุณยังดูเด็ก ตื่นโลก ไม่มีแววตาเอาเป็นเอาตายอย่างที่มีในอีกไม่กี่ปีให้หลังเมื่อลีกอาชีพสอนมวยคุณแล้ว ตอนที่คุณยังเรียนมัธยมและลงแข่งบาสเก็ตบอล คุณยังเป็นเด็กตัวผอมโคร่งๆ ที่มีท่าประจำคือยกมือขึ้นวางข้างขมับเป็นเหมือนปีกนกเวลาทำแต้มได้ มันเป็นท่าที่ตลกและฉันก็ไม่เข้าใจจนทุกวันนี้ว่าทำไมคุณถึงเลือกท่านี้เป็นท่าเก่ง (ไม่เห็นมันจะเท่ตรงไหน!) ก่อนที่อีกหลายปีให้หลัง ท่ายกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเพื่อบอกให้ ‘หุบปาก’ จะกลายเป็นท่าประจำของคุณในที่สุด

ใครต่อใครก็พูดกันว่าคุณนั้นทั้งอวดดี ทั้งเย่อหยิ่ง คุณทำให้สนามบาสเก็ตบอลและเวลาสี่ควอเตอร์เป็นเหมือนสมรภูมิรบ ต่อให้ทีมคุณทำคะแนนทิ้งห่าง คุณก็จะยังไล่ถล่มไม่ยั้ง คุณไม่เหลือพื้นที่ไว้ให้ทีมตรงข้ามได้หายใจหรือพลิกเกมกลับ ทุกครั้งที่จะชนะ คุณต้องทำให้แน่ใจเสมอว่าเมื่อหมดเวลาแข่งขัน ชัยชนะจะตกเป็นของคุณและทีม ไม่มีทางเป็นอื่น คุณจะเอาลูกกลมๆ สีส้มนั้นยัดห่วงทุกครั้งที่มีโอกาส ก็อย่างที่คุณเคยพูดไว้โดยไม่มีท่าทีถ่อมตัวเหมือนคนอื่นๆ ที่ปรารถนาอยากเป็นที่รักของสื่อว่า “ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะ จะแค่นั่งโบกผ้าขนหนูให้กำลังใจอยู่บนม้านั่งตัวสำรอง ส่งน้ำให้เพื่อนร่วมทีม หรือทำแต้มปิดท้ายก็เถอะ”

คุณก็คงรู้ตัวอยู่แล้วล่ะ ว่าคุณนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการเคี่ยวกรำฝึกซ้อม การกัดฟันสู้ที่บางครั้งก็เลยเถิดไปเป็นความดันทุรังแบบที่คุณเองเรียกมันว่าปรัชญาแบบ “The Mamba Mentality” ซึ่งมันหมายถึงการอุทิศตนให้กับเป้าหมายอย่างไร้เงื่อนไข คำว่าไร้เงื่อนไขที่ว่านั้นคุณต้องแลกมาหลายอย่าง นับจากการตื่นเช้าตรงเวลาเพื่อไปเข้ายิมทุกวัน จนคุณเกษียณตัวเองในวัย 39 ปีแล้ว คุณก็ยังต้องตื่นเช้าและไปเข้ายิมอย่างเป็นกิจวัตรเสมอ เพราะคุณไม่รู้ว่าพ้นไปจากนี้แล้ว ต้องทำอะไรต่อ หรือมันอาจจะหมายถึงชีวิตที่เด็กวัยรุ่นสักคนพึงจะมี คุณเดิมพันวัยเยาว์ทั้งหมดไว้กับลีกกีฬาแห่งนี้ทั้งที่คุณก็รู้ว่ามันแสนจะเสี่ยง คนเดียวที่เคยกรุยทางเช่นนี้ก่อนหน้าคุณในรอบ 20 ปีคือ เควิน การ์เน็ตต์ (Kevin Garnett) อดีตเด็กหนุ่มที่ยอมสละชีวิตในรั้ววิทยาลัยเพื่อลงเล่นลีกอาชีพ แต่กรณีของการ์เน็ตต์นั้นดูมีหวังที่เขาจะไต่ไปถึงยอดเขาได้ไวกว่าคุณ เพราะสำหรับตำแหน่งการ์ดแล้ว ส่วนสูง 211 ซม.ของการ์เน็ตต์นั้นถือเป็นข้อได้เปรียบทางธรรมชาติอยู่มาก ขณะที่คุณสูงตามค่าเฉลี่ย และดูเหมือนแทบไม่มีอะไรโดดเด่นออกมาจากเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันเลย –เว้นก็แต่ประกายความระยิบระยับบางอย่างที่ไม่มีใครเลียนแบบได้นั่น

ไม่กี่ปีให้หลัง การ์เน็ตต์กลายเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดคนหนึ่งของคุณ เป็นไม้เบื่อไม้เมาในสังเวียนและเป็นมิตรสหายที่คุณวางใจนอกเกม ว่ากันว่า ภายหลังจากที่คุณยอมสละตำแหน่งในวิทยาลัยเพื่อเข้าลีกอาชีพแล้ว คุณก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กหนุ่มสาวอีกหลายคนมุ่งตรงเข้ามาเป็นนักกีฬาอาชีพแทนที่จะไปเรียนต่อวิทยาลัย หนึ่งในนั้นคือ เลบรอน เจมส์ (LeBron James) ชายคนที่เพิ่งทำแต้มสูงสุดตีคู่คุณขึ้นมานั่นไงคะ

วีรกรรมความเดือดดาลและความกระหายในชัยชนะของคุณไม่เคยหยุดแค่การคว้าแชมป์ได้ คุณจับคู่กับเซ็นเตอร์ร่างยักษ์อย่าง แชคีล โอนีล (Shaquille O’Neal) กลายเป็นคู่หูระดับพระกาฬที่ครองลีกทั้งลีกด้วยการพาเลเกอร์สคว้าแชมป์ติดกันสามสมัย ก่อนที่พวกคุณจะแตกคอกัน เบื้องลึกเบื้องหลังแท้จริงอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่ลือกันไปทั่วว่าคุณกับโอนีลต่างทนไม่ได้ที่ต้องแบ่งปันความสำเร็จนี้ให้ใครคนอื่นที่ไม่ใช่แค่ตัวพวกคุณเอง สื่อเขียนถึงคุณว่าคุณเป็นแค่นักกีฬาอีโก้จัดและทำงานเป็นทีมไม่เป็น ซึ่งนอกจากคุณจะไม่ยี่หระแล้ว คุณยังตอกกลับอย่างชวนสาแก่ใจว่า “ผมจะยัดไป 40 แต้มหรือทำไปแค่ 10 แต้ม เราก็ยังเป็นฝ่ายชนะอยู่ดีนั่นแหละ”

ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าสำหรับคุณ ไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่และจับต้องได้ไปมากกว่าชัยชนะ คุณประกาศศักดาของการเป็นนักบาสเก็ตบอลที่ทรงพลังที่สุดของยุคเมื่อพาทีมคว้าชัยชนะรอบสุดท้ายสองสมัยติดในปี 2009 และ 2010 ทั้งยังถือครองตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าสองปีซ้อนอีกด้วย คุณทุ่มเททุกหยาดเหงื่อ กัดฟันเอาชัยชนะทั้งของทีมและของตัวเองมานอนกอด ราวกับจะตอกย้ำให้ใครก็ตามที่มองมายังคุณรู้ว่า คุณมาถึงตรงนี้ได้ด้วยตัวของคุณเอง คุณต้องแบ่งปันแชมป์เมื่อหลายปีก่อนของเลเกอร์สให้กับโอนีล แต่ในครั้งนี้ มันเป็นความสำเร็จที่คุณคงบอกตัวเองได้เสียทีว่า มันเป็นของคุณแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น

ความกระหายและทะยานอยากแบบนี้คงทำให้คุณช้ำใจมากเมื่อร่างกายเริ่มบอบช้ำ คุณต้องเข้ารับการผ่าตัด ต้องพักฟื้นนานหลายเดือน และกัดฟันฝืนลงแข่งอีกหลายต่อหลายเกมด้วยระยะเวลาที่สั้นลง กับการประคบประหงมที่ยาวนานขึ้น นึกไม่ออกเลยว่าตอนที่คุณร่างแถลงการณ์รีไทร์ตัวเองนั้น คุณเขียนมันด้วยความรู้สึกแบบไหน หรือต้องใช้อะไรบ้างในการที่คุณจะยอมรับกับตัวเองว่า คุณจำต้องปลดระวางแล้ว

ฉันจำได้นะ วันที่คุณลงเล่นเป็นเกมสุดท้าย คุณก็ยอดเยี่ยมเหมือนเคยแหละ วาดลวดลายในสนามได้ตราตรึงไม่เปลี่ยน ทั่วทั้งสเตเปิลส์เซ็นเตอร์เรียกชื่อคุณกระหึ่มไปหมด ฉันยังคิดอยู่เลยว่ายิ่งใหญ่ดีจังเลยน้า จะมีนักกีฬาสักกี่คนที่เกษียณตัวเองแล้วโลกทั้งใบพร้อมใจกันให้ความเคารพขนาดนี้ ฉันดีใจนะคะที่อย่างน้อยคุณก็ได้เห็นความยิ่งใหญ่เหล่านั้นด้วยสายตาของตัวเองในวันที่คุณยังทำได้ เพราะถัดจากนั้นอีกแค่สี่ปี ในวันที่คุณจากไปแล้ว ผู้คนหลั่งไหลมารำลึกถึงคุณที่สเตเดียม แต่คุณแค่ไม่มีโอกาสได้เห็นมันแล้ว

มันทำใจลำบากมากเลยนะคะที่ต้องรับรู้เรื่องพวกนี้ ฉันพยายามนึกถึงคุณในวันที่คุณยังโลดแล่นอยู่ในสนาม เพราะการรำลึกถึงคุณในห้วงนาทีสุดท้ายของชีวิตคุณ มันโหดร้ายเกินไป ฉันสั่นกลัวเมื่อนึกถึงคุณในฐานะพ่อของเจียนนาที่ร่วมเดินทางไปกับคุณ มันชวนหัวใจสลาย ดังนั้น ฉันจึงอยากระลึกถึงคุณในฐานะนักบาสเก็ตบอลในสนามก็พอ –คุณยิ่งใหญ่พอสำหรับฉันและพวกเราทุกคนอยู่แล้ว

ขอบคุณมากๆ เลยนะคะโคบี ไบรอันต์ ขอบคุณที่ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเด็กคนหนึ่ง และเป็นแรงผลักดันในชีวิตของเด็กอีกหลายๆ คนทั่วโลก ขอบคุณที่เป็นภาพแทนความไม่เป็นมิตรอันแสนจะมืออาชีพ ความดันทุรังและกระหายชัยชนะ ขอบคุณที่ทำให้บาสเก็ตบอลเป็นกีฬาที่งดงามและเป็นมนุษย์เหลือเกิน –ขอบคุณมากค่ะ

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save