fbpx
ทางของฉัน ฝันของใคร : เมื่อสวนตาลต้องหลีกทางมอเตอร์เวย์

ทางของฉัน ฝันของใคร : เมื่อสวนตาลต้องหลีกทางมอเตอร์เวย์

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย เรื่อง

เมธิชัย เตียวนะ ภาพ

 

1

 

หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงครึ่งปี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็เซ็นอนุมัติแผนแม่บทระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Intercity Motorway) เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 วางแผนไว้กว่า 13 เส้นทาง เป็นระยะทาง 4,150 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 472,360 ล้านบาท (มูลค่า ปี 2540) ระยะเวลาดำเนินการ 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 – 2559 เพื่อเชื่อมหัวเมืองใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน

มาถึงวันนี้ปี 2562 จากที่หมายมั่นไว้ 13 เส้นทาง สร้างสำเร็จไปเพียง 2 เส้นทางเท่านั้น คือ สายกรุงเทพฯ – ชลบุรี ระยะทาง 82 กิโลเมตร และ สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก (ช่วงบางปะอิน – บางพลี) ระยะทาง 64 กิโลเมตร แต่ก็ยังมีอีกหลายเส้นทางที่กำลังอยู่ในขั้นดำเนินการ

ระยะเวลาผ่านมากว่า 20 ปี เพราะอะไรกรมทางหลวงจึงไม่อาจจัดการสร้างถนนให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายได้ สำนักแผนงาน กรมทางหลวง เขียนอธิบายเหตุผลไว้ว่า “แต่ละเส้นทางจำเป็นต้องใช้งบประมาณลงทุนค่อนข้างสูง ประกอบกับประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนดังกล่าวไปในปีเดียวกัน”

งบประมาณลงทุนสูงและภาวะเศรษฐกิจใช่แน่ๆ แต่เรื่องที่ทางการไม่เคยเล่าก็คือ ถนนหลายเส้นขีดผ่าน ‘คน’ ไป จนลืมมองเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่บนพื้นที่มานานแสนนาน และก็เพราะแบบนี้ จึงอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่การวางแผนแม่บทขนาดใหญ่ไม่สามารถทาบได้พอดีกับชีวิตคน จนเกิดเป็นข้อขัดแย้งเรื่องสร้างถนนและเวนคืนที่ดินมายาวนานหลายสิบปี

เมื่อ 13 เส้นทางยังทำไม่ได้ทั้งหมด กรมทางหลวงเลยขยับมากำหนดแผนการก่อสร้าง ‘ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในระยะเร่งด่วนที่มีลำดับความสำคัญสูง’ จำนวน 5 เส้นทาง ที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังภูมิภาคต่างๆ ภายในรัศมี 250 กิโลเมตร ในช่วงปี 2556-2563

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม-ชะอำ เป็นหนึ่งในแผนการนั้น มีระยะทาง 119 กิโลเมตร งบลงทุนกว่า 80,600 ล้านบาท ในแผนการสร้าง ถนนเส้นนี้จะเชื่อมจากนครปฐม ราชบุรี สมุทรสงคราม ตัดผ่านเข้าจังหวัดเพชรบุรี ผ่านอำเภอเขาย้อย อำเภอเมือง อำเภอบ้านลาด สิ้นสุดที่อำเภอท่ายาง โดยตัวโครงการที่สมบูรณ์ตั้งใจจะเชื่อมถนนตั้งแต่นครปฐมไปจนถึงสงขลา จนมีอีกชื่อเรียกว่า ‘มอเตอร์เวย์สายใต้’

 

ภาพจาก สำนักแผนงาน กรมทางหลวง

 

แม้จะดูเป็นเส้นเลือดใหญ่เชื่อมภูมิภาคที่น่าตื่นตา แต่ขณะเดียวกันถนนสายนครปฐม-ชะอำ ในช่วงหลักกิโลเมตรที่ 73 – 119 ของถนน ก็ตัดผ่านเส้นเลือดใหญ่ของคนเมืองเพชร คือสวนตาลและบ้านเรือนของพวกเขา เป็นระยะทางรวม 46 กิโลเมตร

สวนตาลที่มีมาตั้งแต่รุ่นอำแดง วิถีชีวิตที่สืบเนื่องมากว่าร้อยปี กำลังจะถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง และมอเตอร์ไซค์ที่เคยดังแต๊กๆๆ จากหมู่บ้านสู่สวนตาลในระยะทางไม่ถึงกิโลฯ ก็จำเป็นต้องขับอ้อมไกลขึ้น หากมีมอเตอร์เวย์มากั้นไว้

 

 

2

 

ณ ตอนนี้ถนนสายนครปฐม-ชะอำ ยังเป็นรูปเป็นร่างแค่ในกระดาษ แต่ความร้อนใจของชาวบ้านนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว

ภาพทุ่งนาป่าตาลไกลสุดลูกหูลูกตาและเสียงกระดิ่งวัว คือภาพชีวิตของชาวเพชรบุรี และแดดเช้าวันนั้นยังปราณี แม้เราจะอยู่กลางแจ้งก็ยังพอเดินไปคุยไปได้

“ผมจะพาไปดูหมุดที่เขามาปักไว้” ลุงสุรพล ชาวบ้านตำบลไร่สะท้อน อำเภอบ้านลาด พูดกับเราด้วยสำเนียงเพชรบุรี ในวันที่สื่อมวลชนลงพื้นที่ถามไถ่ความเดือดร้อน เขาสวมหมวกแก๊ปสีแดงและเสื้อ รด. สีเขียวซีดแขนยาว อย่างคนพร้อมทำงานกลางแจ้ง เราเดินไปบนคันนาเล็กแคบ หลีกทางให้มอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่าน 2-3 รอบ ก่อนที่ลุงสุรพลจะหยุด แล้วชี้ลงไปยังหมุดปูนที่ซ่อนตัวอย่างแปลกปลอมบนนาข้าว

 

สุรพล นกเพชร ชาวบ้านตำบลไร่สะท้อน อ.บ้านลาด ผู้นำทางไปหาหมุดสร้างถนน

 

หมุดศูนย์กลาง หรือ Center Line ในการสร้างถนน วางอยู่กลางทุ่งนาป่าตาล

 

“ตรงนี้แหละศูนย์กลางที่เขาจะทำถนน ถ้าตัดมาจริงๆ พื้นที่กว่า 80 ไร่จะเสียหายทั้งหมด แล้วเป็นที่ของชาวบ้านทั้งนั้น หมดเลยที่ทำกิน” ระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านหลายคนเดินมาพูดคุยด้วย ว่าด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจจากการโดนเวนคืนที่ดิน

ใจความสำคัญคืออาชีพหลักของชาวบ้านคือการทำตาล ปลูกข้าว และเลี้ยงวัว พื้นที่ทุ่งนาป่าตาลที่เรายืนคุยกันอยู่นี้ จึงเป็นทั้งชีวิตและวิญญาณของคนที่นี่ ไม่ใช่แค่ถนนจะกวาดเอาข้าวและตาลออกไปเท่านั้น แต่ยังตัดแยกระหว่างหมู่บ้านกับทุ่งนา ทำให้การคมนาคมที่เคยสะดวกสบายหายไปด้วย

“คิดไม่ออกเลยว่าจะเอาวัวเดินมาเลี้ยงที่ทุ่งยังไง ถ้าเขาตัดถนน”

“เขาก็สร้างอุโมงค์ไง”

“เขาจะสร้างให้รึเปล่าล่ะ”

นี่คือเสียงถกเถียงกันระหว่างชาวบ้านด้วยกันเอง ณ ตอนนี้ยังมีคอกวัว และกระท่อมเคี่ยวน้ำตาลอยู่กลางบริเวณทุ่ง แม้เจ้าของจะลดปริมาณการเคี่ยวลงหลังจากสามีเสียชีวิต แต่ทุกวันนี้ก็ยังขึ้นตาล เลี้ยงชีพด้วยการขายน้ำตาล และทำไร่ทำนา แน่นอนว่าหากมีถนนตัดผ่านมาย่อมส่งผลต่อรายได้และชีวิต

 

เจ้าของโรงเคี่ยวตาลเก่ายืนอยู่ข้างเตาที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

 

ไม่ใช่แค่ประเด็นเรื่องคมนาคมเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องน้ำท่วมที่นาด้วย เพราะเมื่อถนนตัดในพื้นที่สูงกว่าที่นาก็จะกลายเป็นเขื่อนขนาดย่อมที่กั้นทางเดินน้ำไว้ กลายเป็นน้ำขังไม่มีทางระบายตามธรรมชาติ ยิ่งเมื่อวิถีชีวิตผูกพันกับน้ำ ฟ้า อากาศ เรื่องเหล่านี้ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ชนิดคอขาดบาดตาย

ลุงเงิน ศรีแจ้ อายุ 83 ปีที่ทำนาและขึ้นตาลมาทั้งชีวิต บอกว่าถ้าหมดที่ทำกินเขาก็ไม่รู้จะไปทำอะไรต่อได้แล้ว

“ลุงแกบอกว่าจะทำตาลไปจนถึงอายุ 115 ปี” คุณลุงอีกคนพูดแทรกด้วยรอยยิ้ม

“แต่ก่อนผมขึ้นตาลเองนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ไหว ต้องจ้าง ขึ้นทีนึงก็ 50 บาท” ลุงเงินเล่าต่อด้วยความภูมิอกภูมิใจ

“ขึ้นอย่างเดียวเหรอคะ” ฉันถาม

“ไม่สิ ขึ้นแล้วต้องลงด้วย”

เสียงหัวเราะของเราดังกลบเสียงกระดิ่งวัวไปครู่ใหญ่

 

ลุงเงิน ศรีแจ้ ชาวบ้านตำบลไร่สะท้อน อ.บ้านลาด

 

 

3

 

ป้ายประกาศเรื่องเวนคืนที่ดินจากกรมทางหลวง บริเวณพื้นที่บ้านไร่หัวโลด อ.บ้านลาด

 

ขยับไปไม่ไกลจากบ้านไร่สะท้อน ก็มีชาวบ้านไร่หัวโลดที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการถนนเส้นนี้เช่นเดียวกัน เพราะอยู่ในบริเวณที่จะสร้างเป็นจุดพักรถ คาดการณ์ว่าจะใช้พื้นที่กว่า 60 ไร่ สิ่งที่น่ากังวลคือบริเวณนั้นเป็นที่ชุ่มน้ำ ฝนตกเมื่อไหร่ น้ำท่วมเมื่อนั้น และยิ่งหากมีการสร้างจุดพักรถทับไป น้ำที่เคยท่วมและระบายออกตามวัฏจักร ก็จะท่วมที่นาและบ้านคนนานกว่าเดิม มงคล อินงาม หนึ่งในตัวแทนชาวบ้านไร่หัวโลดตั้งคำถามว่า ถนนเส้นนี้เอื้อผลประโยชน์ให้ใครกันแน่ เพราะสุดถนนนั้นเลี้ยวเข้าชะอำซึ่งเป็นที่อยู่ของบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

“คุณบอกว่าจะทำเพื่อเชื่อมไปภาคใต้ แล้วจะเลี้ยวเข้าชะอำทำไม ทำไมคุณไม่ไปใช้ทางเพชรเกษมที่มีอยู่เดิม หรือถนนสาย 3510 ที่ไม่กระทบต่อวิถีชีวิตชาวบ้าน”

ถนนสาย 3510 คือเส้นที่ตัดผ่านอำเภอปากท่อ หนองหญ้าปล้อง แก่งกระจาน และยางชุม ที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นถนนเส้นขนานกันกับโครงการสายนครปฐม-ชะอำ เป็นข้อเสนอที่ชาวบ้านพยายามเรียกร้องมาอย่างยาวนาน

“เราไม่ได้คัดค้านการพัฒนา แต่ก็ต้องมาดูกันว่ามันจำเป็นแค่ไหนที่ต้องสร้างถนนเส้นใหม่ทั้งที่เส้นเดิมก็มีอยู่แล้ว” มงคลกล่าวต่อ

ก่อนหน้านี้ชาวบ้านเคยยื่นหนังสือไปที่ อบต. ไร่สะท้อนเพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปยังกรมทางหลวง จนเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 มีจดหมายตอบกลับจากสำนักงานจังหวัดเพชรบุรีว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ใหม่ หลังจากที่ EIA ฉบับเดิมเมื่อปี 2555 หมดอายุไปแล้ว และยังอธิบายถึงเรื่องใช้ถนนเส้นอื่นที่เป็นข้อเสนอของชาวบ้านไว้ว่า

สำหรับข้อเสนอที่ให้พิจารณาทางเลือกตามแนวเส้นทางของทางหลวงหมายเลข 3510 กรมทางหลวงได้เคยพิจารณาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2552 ในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาถ้ำณรงค์ ป่าหนองช้างตาย และป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก-เขาปุ้ม การกำหนดแนวทางเลือกถึงได้พิจารณาหลีกเลี่ยงพื้นที่อ่อนไหวดังกล่าว รวมถึงข้อเสนอที่ให้ก่อสร้างเป็นทางยกระดับบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (เพชรเกษม) นั้น เนื่องจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 มีรัศมีโค้งต่ำกว่ามาตรฐานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง การปรับรัศมีโค้งให้ได้ตามมาตรฐานต้องทำการเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนตามแนวเส้นทางหลวงหมายเลข 4 เพิ่มเติม

“นั่นเป็นเรื่องที่รัฐต้องคิดและแก้ไข ไม่ใช่โยนความเดือดร้อนมาที่พวกเรา” มงคลกล่าวตอบโต้คำอธิบายของทางการด้วยเสียงมั่นคงหนักแน่น

 

ชาวบ้านไร่หัวโลด อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ร่วมฟังและพูดคุยกับสื่อมวลชนตรงบริเวณที่ถนนจะตัดผ่าน

 

4

 

จุดตัดระหว่างถนนเพชรเกษมกับมอเตอร์เวย์สายใต้ อยู่บริเวณบ้านหัวดอน ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมืองเพชรบุรี ซึ่งถ้ามีการสร้างถนนมา หมู่บ้านบริเวณนี้จะโดนกวาดไปทั้งหมด

“ความจริงเขาจะมาปักหมุดตรงกลางหมู่บ้าน แต่พวกเราไล่ให้ไปปักที่อื่น หมุดเลยปักอยู่ข้างถนน” ประจิน อุ่นโรจน์ ตัวแทนชาวบ้านหัวดอนเล่าให้ฟัง ก่อนหน้านี้มีคนพยายามจะเข้ามาวัดพื้นที่ในหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านก็รวมกันคัดค้านไม่ให้เข้ามา พวกเขามองว่าทางการไม่มีความจริงใจที่จะเจรจาเรื่องเวนคืนที่ดิน และไม่เคยแจ้งว่าจะส่งคนเข้ามาในบริเวณหมู่บ้าน

เราคุยกันบนลานดิน ในวันที่ถนนยังไม่ตัดผ่าน ต้นไม้ยังทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าโครงการอนุมติสร้างเมื่อไหร่ บ้านหลายสิบหลังพร้อมต้นไม้นี้จะหายวับไปกับตา

“จะให้ไปอยู่ที่ไหน เราอยู่ที่นี่กันมาหลายสิบปี จนมาถึงรุ่นหลานแล้ว” เสียงของคุณยายเชื่อม สายนาก เจ้าของบ้านไม้ใต้ถุนสูงที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ เล่าให้เราฟัง — และเมื่อจะพูดมากกว่านั้น น้ำตาก็จุกที่คอ จนต้องหยุดพูดเพื่อปาดน้ำตา

เสียงไก่ร้องกะต๊ากดังกลบเสียงร้องไห้ไปครู่ใหญ่

 

ยายเชื่อม สายนาก เจ้าของบ้านที่จะถูกเวนคืนจากการสร้างถนน บ้านไม้ด้านหลังมีอายุหลายสิบปี อยู่กันมาหลายชั่วอายุคน

 

5

 

บ่ายวันนั้น กรมทางหลวงส่งตัวแทนมาพูดคุยกับชาวบ้านว่าจะหาทางออกร่วมกันอย่างไร ท่ามกลางเสียงเรียกร้องและร่ำไห้ของชาวบ้าน ทางการยังยืนยันว่าพร้อมรับฟังทุกปัญหา และเห็นคุณค่าของประวัติศาสตร์และที่ทำกินของชาวบ้าน แต่ก็ยังไม่มีแผนจะระงับโครงการแต่อย่างใด บอกเพียงว่าระหว่างนี้กรมทางหลวงว่าจ้างให้ที่ปรึกษาโครงการจัดทำ EIA ฉบับใหม่ และโครงการนี้ยังไม่ผ่านมติ ครม.

น่าคิดว่า หากจะต้องเลือกกระทบอะไรสักอย่าง ระหว่างพื้นที่ป่า อาคารพาณิชย์ข้างถนนเพชรเกษม และทุ่งนาป่าตาล เดาได้ไม่ยากว่าทางการจะเลือกอะไร ถึงแม้เสียงตะโกนจะดังไปถึงพวกเขาแล้วก็ตาม

คำถามก็คือ เราควรมีทางเลือกที่ฉลาดพอจะกระทบใครให้น้อยที่สุดหรือเปล่า

 

MOST READ

Social Issues

9 Oct 2023

เด็กจุฬาฯ รวยกว่าคนทั้งประเทศจริงไหม?

ร่วมหาคำตอบจากคำพูดที่ว่า “เด็กจุฬาฯ เป็นเด็กบ้านรวย” ผ่านแบบสำรวจฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม และความเหลื่อมล้ำ ในนิสิตจุฬาฯ ปี 1 ปีการศึกษา 2566

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล

9 Oct 2023

Social Issues

5 Jan 2023

คู่มือ ‘ขายวิญญาณ’ เพื่อตำแหน่งวิชาการในมหาวิทยาลัย

สมชาย ปรีชาศิลปกุล เขียนถึง 4 ประเด็นที่พึงตระหนักของผู้ขอตำแหน่งวิชาการ จากประสบการณ์มากกว่าทศวรรษในกระบวนการขอตำแหน่งทางวิชาการในสถาบันการศึกษา

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

5 Jan 2023

Social Issues

27 Aug 2018

เส้นทางที่เลือกไม่ได้ ของ ‘ผู้ชายขายตัว’

วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์ พาไปสำรวจโลกของ ‘ผู้ชายขายบริการ’ ในย่านสีลมและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดปูมหลังชีวิตของพนักงานบริการในร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไปจนถึงบาร์อะโกโก้ พร้อมตีแผ่แง่มุมลับๆ ที่ยากจะเข้าถึง

กองบรรณาธิการ

27 Aug 2018

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save