fbpx
มองปรากฏการณ์ ‘จะไม่ทน’ ทวนวรรณกรรม Harry Potter

มองปรากฏการณ์ ‘จะไม่ทน’ ทวนวรรณกรรม Harry Potter

สมชัย สุวรรณบรรณ เรื่อง

ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาสื่อต่างประเทศหลายสำนักทั้งในอเมริกาและยุโรปพาดหัวข่าวเยาวชนไทยชุมนุมประท้วงต่อต้านระบอบอำนาจนิยมด้วยการใช้สัญลักษณ์จากวรรณกรรม Harry Potter ร้องเพลงปลุกใจ Do You Hear the People Sing จากละครเวที ‘เหยื่ออธรรม’ (Les Misérables) ก่อนหน้านั้นสื่อญี่ปุ่นประโคมข่าวเด็กนักเรียนมัธยมในไทยชูตัวการ์ตูนอนิเมะ Hamtaro และแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วจากภาพยนตร์ The Hunger Games ในการสื่อความหมาย

ชุมนุม ม็อบ 3นิ้ว The Hunger game การเมืองไทย

การชุมนุมทางการเมืองไม่ว่าในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เรามักจะเห็นอิทธิพลของงานศิลปะและวรรณกรรมเป็นแรงบันดาลใจของผู้ประท้วง ทั้งเป็นตัวกระตุ้นให้แสดงออกและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อเพื่อส่ง ‘สาร’ (message) ที่ผู้ประท้วงต้องการสร้างความตื่นรู้ในหมู่ผู้คนทั้งผู้สนับสนุนและบุคคลในวงนอกที่กว้างออกไป

ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ซึ่งเป็นยุคก่อนเทคโนโลยีดิจิทัล งานศิลปะและวรรณกรรมก็มีบทบาทสูงเช่นกัน เช่น วรรณกรรมของกุหลาบ สายประดิษฐ์ เสนีย์ เสาวพงศ์ บทความที่เผยแพร่ในสังคมศาสตร์ปริทรรศน์ งานศิลปะจากหน้าพระลาน บทกลอนฉันจึงมาหาความหมายฯ-เมื่อท้องฟ้าเป็นสีทองผ่องอำไพฯ ใบปลิวที่พิมพ์ด้วยโรเนียว และละครเวทีพระจันทร์เสี้ยว ฯลฯ มีส่วนกระตุ้นให้เกิดพลังคนหนุ่มสาวใช้ขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แต่เมื่อเทียบแล้วจะเห็นว่าในยุคดิจิทัลนี้พลังการสื่อสารกระจาย-ลงลึก-ลงล่าง-ไปไกล และเร็วกว่า ถ้าเทียบยุคบทกลอน ฉันจึงมาหาความหมาย กับ แร็พต่อต้านเผด็จการ ก็คงพอเข้าใจได้ว่านี่คงเป็นที่มาของปรากฏการณ์ความรู้สึก #จะไม่ทน ที่ระบาดในกลุ่มคนรุ่น Twitter-IG-TikTok

ในเวทีชุมนุม 3 สิงหาคม ทนายอานนท์ นำภา สื่อความหมายด้วยการใส่ชุดคลุมพ่อมดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผ้าพันคอของบ้านกริฟฟินดอร์ ใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่ภาพโวลเดอมอร์ ตัวละครมหาวายร้ายที่มีอำนาจและพลังการทำลายล้างสูง

ชุมนุม ม็อบ 3นิ้ว Harry potter การเมืองไทย ทนาย อานนท์ นำภา
ภาพจากเฟซบุ๊ก ภัทราพร ตั๊นงาม
ชุมนุม ม็อบ 3นิ้ว Harry potter การเมืองไทย ทนาย อานนท์ นำภา
ภาพจาก ประชาไท

ภาษาพอตเตอร์เรียกตัวร้ายในนิยายว่า The Dark Lord บ้างหรือ He Who Must Not Be Named บ้าง เป็นตัวแทนของอำนาจนิยมต้องการทำลายล้างพวก ‘มักเกิล’ ที่ถือว่าเป็นพวก ‘เลือดไม่บริสุทธิ์’ ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่แท้จริงของพ่อมดแม่มด เทียบในโลกมนุษย์คือผู้นำที่ไม่มีความอดทนคนเห็นต่างและต้องการกวาดล้างผู้คนที่เห็นต่างด้วยวิธีรุนแรง (คล้ายๆ โวหารชังชาติ)

เมื่อมองย้อนไปในยุคนาซี เผด็จการฮิตเลอร์ก็ใช้แนวคิดเผ่าพันธุ์อารยันว่าเป็น master race ปลุกระดมชาวเยอรมันทำสงครามสร้างชาติอันยิ่งใหญ่ ชักชวนกันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวหลายล้านคน ก็มองเห็นอาการของผู้ที่ออกมาขับไล่คนเห็นต่างที่ถูกป้ายสีว่า ‘ชังชาติ’ ก็คงคล้ายๆ กัน

เมื่อครั้งที่เจ้าชายแฮร์รี ทรงเข้าพิธีเสกสมรสกับเมแกน มาร์เคิล ก็มีบางสื่อที่ตำหนิคนอังกฤษผิวขาวบางกลุ่มที่ไม่อยากให้เจ้าชายระดับสูงในราชวงศ์ไปแต่งงานกับเจ้าสาวที่เป็นเลือดผสม (mixed race) โดยเสียดสีว่า คนขาวบริสุทธิ์เหล่านี้คงรังเกียจเมแกน มาร์เคิลเพราะเธอเป็นมักเกิล

ในฉากแรกๆ ของนิยายตอนที่นักเรียนน้องใหม่พากันเดินเข้าห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนฮอกวอตส์เพื่อแยกกลุ่มจัดเข้าหอพัก(บ้าน) ตามแนวความคิดความเชื่อและค่านิยมของเด็กแต่ละคน โดยมีหมวกคัดสรรทำหน้าที่แยกแยะให้ จะเห็นว่าแฮร์รี่ต้องการอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ เพราะค่านิยมของบ้านนี้คือ มีความเชื่อว่าธรรมย่อมชนะอธรรม มีความกล้าหาญทางจริยธรรม แต่ว่าบางครั้งความกล้านั้นถึงขั้นใจร้อนแบบบ้าบิ่น บ้านกริฟฟินดอร์ใช้สิงโต เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและใช้สีแดงทับทิม-ทอง (ดูจากผ้าพันคอ) เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ตั้งใจสร้างสังคมที่เป็นธรรม เข้าใจว่านี่คงเป็นสัญลักษณ์ที่ทนายอานนท์ ต้องการสื่อกับผู้สนับสนุนแนวคิด/ข้อเรียกร้องของตน

Harry Potter

สำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 35 ปีลงมาจะเข้าใจภาษาพอตเตอร์และภาษาดิจิทัลที่เกลื่อนสื่อสังคมขณะนี้ ในขณะที่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ส่วนหนึ่งคงไม่มีความอดทนพอที่จะไปถอดรหัส และพากันมองความเคลื่อนไหวทางการเมืองนี้ว่าเป็นเรื่องการถูกหลอกถูกชักจูง ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ไทย ผู้ใหญ่หลายคนมีอาการคล้ายพวก ‘climate denier’ ที่ปฏิเสธความจริงเกี่ยวกับวิกฤตโลกร้อนแบบประธานาธิบดีทรัมป์ที่เอ่ยปากไล่เด็กนักเรียนมัธยมสวีเดน เกรตา ธันเบิร์ก ให้กลับไปเรียนหนังสือ

นวนิยายแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตีพิมพ์ออกมา 7 ตอน นับตั้งแต่ปี 1997 รวมแล้วมียอดจำหน่ายกว่า 450 ล้านเล่มทั่วโลก ไม่นับส่วนที่แปลขายเป็นภาษาต่างๆ หลายภาษา มีการดัดแปลงทำเป็นภาพยนตร์ ละครเวที เป็นหัวข้อให้มีการจัดสัมมนาและถกเถียงกันทางวิชาการอย่างแพร่หลาย ถือว่าเป็นวรรณกรรมที่มีอิทธิพลทางความคิดอย่างยาวนานต่อคนรุ่นหนึ่งอย่างลึกซึ้ง พวกเขานำภาษาพอตเตอร์มาใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายๆ ส่วนของโลก บางคำกลายเป็นจินตนาการทางจริยธรรมและสโลแกนการต่อสู้ทางการเมืองของคนรุ่นมิลเลนเนียล ที่มักจะแบ่งโลกออกเป็นสองส่วน คือฝ่ายก้าวหน้าและฝ่ายปฏิกิริยาล้าหลัง ซึ่งมีนักวิชาการบางคนบอกว่าเป็นวิธีแบ่งที่ง่าย-โลกสวยเกินไป

อย่างไรก็ตามแกนกลาง ‘สาร’ ของวรรณกรรมแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือ การยอมรับความแตกต่างหลายหลาย ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นหรือเชี้อชาติเผ่าพันธุ์ (message of tolerance and diversity) ซึ่งคงสะท้อนทัศนะการมองโลกของผู้เขียน เจ.เค. โรว์ลิง เห็นได้จากข้อความในทวิตเตอร์ของเธอ(ปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่าสิบล้านคน) เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศใช้มาตราการห้ามมุสลิมเข้าสหรัฐอเมริกา เธอเขียนในทวิตเตอร์ทันทีว่า “Voldemort was nowhere as bad” (โวลเดอร์มอร์ยังไม่เลวขนาดนี้) เวลานั้นผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาเผาหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์เพื่อประท้วง เจ.เค. โรว์ลิง

แก่นของสารที่วรรณกรรมชุดนี้มอบให้กับคนรุ่นหนึ่งคือจินตนาการที่ว่าธรรมย่อมชนะอธรรมในที่สุด และมีการนำเอาภาษาพอตเตอร์มาอ้างอิงบ่อยครั้งในยุคที่เกิดความแตกแยกทางการเมือง ในที่ชุมนุมประท้วงต่อต้านอำนาจนิยมและระบอบฟาสซิสต์หลายแห่งในโลกตะวันตก มักจะเห็นคนชูป้าย ‘Dumbledore’s army’ ในกลุ่มผู้ประท้วงอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อครั้งที่สหราชอาณาจักรจัดรณรงค์ประชามติ Brexit (มิถุนายน 2016) เพื่อตัดสินใจว่าจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่นั้น เจ.เค. โรว์ลิงก็อยู่ในฝ่ายรณรงค์โหวตไม่ถอนตัว ผลการลงประชามติโดยรวมพบว่าฝ่ายโหวตถอนตัว ชนะไป 52 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อลงลึกไปดูตัวเลขพบว่าผู้ใช้สิทธิอายุระหว่าง 18-24 ปีโหวตไม่ถอนตัวถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คนหนุ่มสาวรุ่นเจน X-Y-Z แสดงความเจ็บปวดที่คนรุ่นก่อนหน้าพวกเขา ลงประชามติทำลายอนาคตของพวกเขา

ในปี 2005 มีกลุ่มคนหนุ่มสาวก่อตั้งมูลนิธิ The Harry Potter Alliance เพื่อรณรงค์ให้ยุติสงครามและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซูดาน หลังจากนั้นมูลนิธินี้ก็ได้รณรงค์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับปัญหาคนเข้าเมือง สิทธิแรงงาน สุขภาพจิต สิทธิของความหลากหลายทางเพศ และปัญหาโลกร้อน ในเวลานั้น เอมมา วัตสัน ซึ่งแสดงเป็นเฮอร์ไมโอนี ได้รับรางวัลในฐานะผู้รณรงค์เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางเพศ

แม้กระนั้นก็ตามบางสิ่งบางประเด็นที่แฟนๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ รณรงค์เคลื่อนไหวนั้นก็ไม่ได้บรรลุตามความมุ่งหวังดังอุดมการณ์ ‘ธรรมย่อมชนะอธรรม’ ตามจินตนาการในนิยายเสมอไป

เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มีความซับซ้อนย้อนแย้งมากกว่าแค่ยกไม้กายสิทธิ์ แล้วเสกให้ปัญหาหายไปได้ง่ายๆ

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save