fbpx
Girls like girls : ผู้​หญิง​ก็​ชอบ​ผู้หญิง​เหมือน​ที่​ผู้ชาย​ชอบ​นั่นแหละ

Girls like girls : ผู้​หญิง​ก็​ชอบ​ผู้หญิง​เหมือน​ที่​ผู้ชาย​ชอบ​นั่นแหละ

ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์ เรื่อง

ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ

[box]

‘Sex Appear’ คือคอลัมน์ใหม่ใน The101.world ที่สองสมาชิกจับมือกันมาเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ และมุมมองเกี่ยวกับเพศ เพศสภาวะ และเพศวิถีของผู้คน ผ่านน้ำเสียงของ ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์ กองบรรณาธิการ และภาพประกอบของ ภาพิมล หล่อตระกูล กราฟิกดีไซเนอร์ เราทั้งคู่ตั้งใจจะเป็นเพื่อนสาว เพื่อนหนุ่ม Bro และ Sis ให้กับผู้อ่านทุกท่าน เพื่อสร้างพื้นที่ที่พูดเรื่องเพศได้อย่างเต็มปากเต็มคำ และตั้งตารอจนกว่าความเท่าเทียม และเท่าทันในเรื่องเพศจะเกิดขึ้นในสังคมของเราไปด้วยกัน

[/box]

Girls Like girls like boys do, nothing new.

ผู้หญิงก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่ผู้ชายชอบนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

บ่อยครั้งเหมือนกันที่ฉันขับขานคำร้องจากเพลง Girls like Girls โดย Hayley Kiyoko นักร้องสาวชาวอเมริกัน ที่เขียนเพลงเกี่ยวกับความรักระหว่างผู้หญิงและผู้หญิง จนถูกยกให้เป็นพระเจ้าของชาวเลสเบี้ยน (Lesbian Jesus) แม้ฉันจะไม่ใช่ผู้สรรสร้างถ้อยคำสวยงามเหล่านี้ แต่กลับรู้สึกราวกับเป็นเจ้าของความหมายที่บทเพลงกำลังบอกกล่าว

YouTube video

-1-

ผู้หญิงก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่ผู้ชายชอบนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

ฉันทำความรู้จักกับความสัมพันธ์หญิงรักหญิงสมัยเรียน ในโรงเรียนหญิงล้วน การเขียนจดหมายถึงนักกีฬาบาสรุ่นพี่จัดว่า Old School แบบฮิตไม่เลิก การเอาสื่อหัวใจอย่างลูกอมฮาร์ทบีทที่บนเปลือกพิมพ์ข้อความกุ๊กกิ๊กทำนอง ‘รักนะจ้ะ’ ไปวางใต้โต๊ะเพื่อนสาวเป็นอะไรที่ Classic

แม้กระทั่งการที่เด็กผู้หญิงผมสั้นสองคนซึ่งคนทั้งโรงเรียนนิยามว่าเป็น ‘ทอม’ จะหันมาเดินจูงมือกันหวานแหวว ทั้งๆ ที่ไม่กี่อาทิตย์ก่อน ยังแยกกันตามจีบเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร

ณ สถานที่ซึ่งหญิงรักหญิงเป็นเรื่องเก่าไปแล้วนี้ ฉันได้รู้จักกับ ‘มิว’ (หรือ ‘พี่มิว’ ตามที่กลุ่มรุ่นน้องชอบเรียกกัน) เพื่อนสนิทคนปัจจุบัน ซึ่งทำให้ฉันได้สำรวจความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงในมุมมองที่ใกล้ชิดขึ้น

มิวเคยเป็นสาวห้าวขวัญใจรุ่นพี่รุ่นน้องหลายคน ปัจจุบันนิสัยห้าวๆ ก็ยังคงอยู่ภายใต้รูปลักษณ์สาวสวยเนื้อหอม และยังเป็นคนที่มีความลื่นไหลทางเพศมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ฉันรู้จัก

มิวย้ายจากโรงเรียนสหศึกษามาสู่รั้วหญิงล้วนที่ฉันเรียนอยู่ ครั้งแรกที่พบกัน มิวถักผมเปียสองข้าง ขับดวงตากลมโตให้ดูอ่อนหวาน และอ่อนต่อความรัก ผ่านไปไม่ถึงปีผมของมิวสั้นกุด และเริ่มมีฮาร์ทบีทใต้โต๊ะ (ซึ่งฉันขโมยมากินอยู่บ่อยๆ) สามปีถัดมามิวไว้ผมประบ่า ถักเปียเดี่ยวดูกระเซอะกระเซิงเพราะความยาวที่ไม่มากพอจะมัดได้ ระยะของเส้นผมนี้ มิวกำลังเทียวไล้เทียวขื่อสาวน่ารักห้องเรียนข้างๆ

มิตรภาพของเราดำเนินเรื่อยมาจนช่วงติวเข้มเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ‘คนคุย’ ซึ่งเป็นเด็กโรงเรียนชายล้วนทำให้มิวเล่นโทรศัพท์มือถือแทบทั้งวัน ขณะเดียวกันก็สับสนว่าจะเอาอย่างไรกับทอมที่ชอบพอกันอยู่ด้วย

เอาล่ะ ทุกคนอย่าเพิ่งออกอาการเหม็นเบื่อทางเดินแห่งรักของมิว เพราะมันยังไม่ถึงครึ่งทาง

พอเข้าสู่รั้วมหาลัย หลายคนทำนายทายทักว่ามิวคงจะเปลี่ยนไปคบผู้ชาย

แปลกดีเหมือนกัน เมื่อผู้หญิงรักผู้หญิง หลายคนกล่าวโทษสภาพแวดล้อม บอกว่าเป็นไปตามวัย เดี๋ยวคงเลิกไปเอง เด็กโรงเรียนหญิงล้วนที่ยังชอบผู้หญิงอยู่เหมือนเดิม แม้การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจะทำให้ได้สนิทสนมกับเพื่อนเพศชาย แต่ก็อาจได้เจอกับแนวคิดที่ว่า ถ้าไม่เรียนหญิงล้วนแต่แรก คงไม่เป็นแบบนี้

ส่วนที่จริงก็คงมีอยู่ เมื่อหญิงแรกแย้มที่กำลังตื่นเต้นกับความรักและการมีแฟน เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้หญิง เด็กสาวเหล่านั้นก็จะคุ้นเคยกับการรักผู้หญิง หรืออย่างน้อยก็เห็นหญิงรักหญิงจนชินตา

แต่เหตุผลนี้ใช้ไม่ได้เสมอไป เมื่อมองอีกด้านความสัมพันธ์ในโรงเรียนหญิงล้วนอาจเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกเราว่า ความรักเกิดขึ้นอย่างไร้ข้อจำกัดทางเพศสภาพ ไหนจะหญิงโรงเรียนสหศึกษาที่รักหญิงจากอีกโรงเรียนสหศึกษาล่ะ

ผู้หญิงก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่ผู้ชายชอบนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และอาจไม่ต้องมีเหตุผล จริงไหม ?

-2-

ผู้หญิง, ความรัก

หลังสอบติดเข้ามหาวิทยาลัย มิวเดินตามทางที่คนทำนายไว้จริงๆ…แต่ก็เพียงฉากหน้าเท่านั้น

ไม่นานมานี้ขณะที่เราสองคนนั่งดื่มด้วยกันหลังเลิกงาน มิวพูดประโยคที่หากเพื่อนรักทุกคู่ได้ฟังต้องมีขนลุกกันบ้างว่า “มึง กูมีเรื่องจะบอก”

โอเค ณ จุดนี้ ใครคิดว่ามิวจะสารภาพรักกับฉันก็ยั้งไว้ก่อนนะ

“กูมีความรัก ทั้งแบบที่เคยบอกและไม่กล้าบอกมึง”

ตอนเรียนมหาวิทยาลัย แม้มิวจะคบผู้ชายอยู่คนสองคนอย่างจริงจังและกินเวลาหลายปี จนคนเข้าใจว่าคงจะเลิกชอบผู้หญิงแล้ว แต่มิวก็ยังมีความรักกับผู้หญิงมาโดยตลอด โดยมิวเลือกที่จะแอบซ่อนเขาไว้อีกโลก โลกที่ครอบครัว สังคม หรือแม้แต่เพื่อนสนิทบางคนไม่มีทางค้นเจอ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ความสัมพันธ์เริ่มจริงจังมากขึ้น เมื่อเขาเริ่มก้าวเข้ามาในโลกของความจริง เมื่อเขาทวงถามว่า ‘ ทำไมเธอไม่พาเราไปเจอเพื่อน ทำไมไม่ลงรูปคู่กับเรา’ มิวก็จะคิดว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องตัดเขาออกไป

“ทำไมวะ” ฉันได้ถามแทนผู้อ่านทุกท่านแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง

“กูกลัวคนจะมองว่าแปลก คิดว่าเขาไม่มีทางเข้าใจ บางครั้งกูยังคิดเลย ถ้ากูคบผู้หญิงอยู่แล้วมีผู้ชายอีกคนเข้ามา กูก็จะทิ้งเขาไปเพราะมันง่ายกว่าไหมวะ แล้วไหนจะเรื่องพ่อกับแม่อีก เป็นมึงจะบอกที่บ้านยังไง”

“ก็คบไปก่อนสิวะ ไม่ต้องบอกที่บ้านก็ได้ เดี๋ยวเขาคงเริ่มเข้าใจไปเอง” ฉันตอบ

มาย้อนคิดดูตอนนี้ คำตอบของฉันมักง่ายไปมาก ในความเป็นจริงการยอมรับของคนในครอบครัวเป็นเรื่องยาก เพราะแต่ละบ้านมีข้อจำกัดที่ต่างกัน บ้างอาจยอมรับความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิง ชายรักชาย ตราบใดที่ไม่ใช่ลูกตัวเอง บ้างอาจไม่มีปัญหา และบ้างก็คงไม่เข้าใจเลย

ยิ่งถ้ามองไปไกลถึงอนาคตที่เพศทางเลือกจะมีร่วมกับคนรัก การเลื่อนสถานะมาเป็นครอบครัว อาจยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ในเมื่อคนรอบตัวอาจไม่เคยคำนึงถึงความเป็นไปได้หรือการมีอยู่จริงของชีวิตคู่รูปแบบนี้ แต่จะไปโทษใครหรือทำอย่างไรกันเล่า ถ้าสังคมยังไม่ทำให้มันเป็นไปได้

นอกจากเรื่องความเข้าใจของคนรอบข้างแล้ว การรับรู้ และตระหนักถึงการมีอยู่ของเพศทางเลือกก็เป็นอีกเหตุผลที่มิวไม่อยากเปิดเผย หรือแม้กระทั่งไม่อยากยอมรับว่าตัวเองรักผู้หญิง มิวเล่าว่า ถ้ามิวเป็นผู้ชายที่รักผู้ชาย มิวอาจจะกล้าบอกเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน หรืออาจเปิดตัวกับครอบครัวได้เร็วขึ้น เพราะคิดว่าผู้คนน่าจะทำความเข้าใจความสัมพันธ์แบบชายรักชายได้ง่ายกว่า ผ่านตัวอย่างในสื่อ หรือสังคมที่เปิดรับมากขึ้น

“อย่างน้อยมันก็มีพื้นที่ให้เขา” มิวว่าอย่างนั้น

พื้นที่ของเพศทางเลือกอย่างที่รู้ๆ กันว่ามีมากเสียเมื่อไหร่ในสังคมนี้ เมื่อนำมาหารสองน่าจะได้พื้นที่ของหญิงรักหญิง บนชั้นวางในร้านหนังสือปัจจุบันเราสามารถพบเห็นนิยายชายรักชายอย่างน่ายินดี แต่น้อยเล่มนักที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงรักหญิง และน้อยเหลือเกินที่ได้รับความนิยม

บนจอโทรทัศน์ก็เช่นกัน นับครั้งได้ที่เรื่องราวของหญิงรักหญิงจะถูกบรรจุไว้ หากมี ก็อาจไม่เพียงพอต่อความลื่นไหล เมื่อยังตีค่าว่าหญิงรักหญิงคือ ดี้รักทอม ทอมรักดี้ กติกาความสัมพันธ์แบบฝ่ายหนึ่งรุกฝ่ายหนึ่งรับยังถูกถ่ายทอดไม่รู้จบสิ้น และเช่นเดียวกันกับคู่รักเพศทางเลือกอื่นๆ เมื่อคนดังมีความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิง สังคมก็ยังคงตื่นตะลึง และอย่างแย่ที่่สุด ก็มีกระแสเสียงที่ ‘เสียดาย’ เสียดายความสวย เสียดายที่น่าจะคบผู้ชาย

ทำไมกันเล่า …ผู้หญิงก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่ผู้ชายชอบนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และไม่มีอะไรน่าเสียดาย

-3-

ผู้หญิงเล่าความลับ, Girls like girls like boys do

 

การเล่าตำนานรักลับๆ นั้น เกิดขึ้นเพื่อที่มิวจะบอกในภายหลังว่า “กูชอบผู้หญิงคนนึงอยู่”

แน่นอน หลังจากที่ฉันปากไวและหลังจากถกกันเรื่องมุมมองของสังคมต่อความสัมพันธ์หญิงรักหญิง ฉันก็ได้แต่บอกมิวว่า “มันไม่ง่าย แต่กูอยากให้มึงได้รักว่ะ”

มิวรับคำ ยกแก้วขึ้นจรดปาก ฉันก็เช่นกัน ดื่มให้หนทางความรักของมิวที่ยังไม่เห็นจุดหมาย

จะว่าตลกร้ายก็ได้ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่เดือน การตัดความสัมพันธ์ของมิวและผู้หญิงที่ชอบก็มาถึงอีกครั้ง ทำไมน่ะหรือ?

มิวเล่าว่าผู้หญิงคนนั้นกลัว ด้วยเหตุผลไม่ต่างจากเรื่องราวของมิวที่ผ่านมา คราวนี้กลายเป็นมิวเสียเองที่ถูกซ่อนไว้ในโลกอีกใบ ห่างไกลจากโลกความจริงที่ทั้งสองไม่เห็นทาง มิวยังคงไม่มีโอกาสได้ลองรักและเดินต่อ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามิวจะพลาดโอกาสนี้ไปอีกสักกี่หน

อีกสักครั้งแล้วกันนะ…ผู้หญิงก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่ผู้ชายชอบนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

ฉันจะแหกปากร้องด้วยความเชื่อในประโยคดังกล่าว ด้วยหวังว่าจะมีอีกหลายเพลง หลายเรื่องราว ที่จะเพิ่มพื้นที่ให้ผู้หญิงที่รักผู้หญิง และเพื่อให้รักของมิวได้ลองไปต่อ

เราจะขับขานไปด้วยกัน จนกว่ามันจะ Old School และ Classic สำหรับทุกคน

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save