ย้อนกลับไปวันที่ 23 กรกฎาคม 1980 มีเหตุการณ์ที่หน้าประวัติศาสตร์โลกจารึกไว้ก็คือการขึ้นสู่ห้วงอวกาศเป็นครั้งแรกของชาวเอเชีย คือ ฟัม ต๋วน (Phạm Tuân) นักบินจากกองทัพอากาศเวียดนามที่ได้รับโอกาสเป็นคอสโมนอต (cosmonaut) หรือนักบินอวกาศโซเวียตขึ้นสู่ห้วงอวกาศเป็นคนแรกจากประเทศกำลังพัฒนาและจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฟัม ต๋วน ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลเวียดนามในปี 1979 ให้เป็นตัวแทนประเทศในโครงการอินเตอร์คอสมอสของสหภาพโซเวียตที่เปิดโอกาสให้ประเทศพันธมิตรใกล้ชิดส่งตัวแทนเพื่อมาเป็นนักบินอวกาศ ซึ่งฟัม ต๋วนได้ขึ้นบินสู่ห้วงอวกาศด้วยยานโซยุซ 37 (Soyuz 37) จากฐานยิงจรวดไบโคนูร์ คอสโมโดรม (Baikonur Cosmodrome) ในคาซัคสถานสู่สถานีอวกาศซัลยุต 6 (Salyut 6) ของโซเวียต โดยมีคอสโมนอตที่ชื่อว่า วิกเตอร์ กอร์บัตโก (Viktor Gorbatko) บินขึ้นไปด้วย
ฟัม ต๋วน ขึ้นไปสู่ห้วงอวกาศในหน้าที่ของนักวิจัยโดยใช้เวลาในสถานีอวกาศเป็นเวลา 7 วัน 20 ชั่วโมง 42 นาที โดยการขึ้นไปครั้งนั้นส่งผลให้ฟัม ต๋วนได้รับเหรียญวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต และได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาวเวียดนาม
ด้วยสถานะวีรบุรุษเวียดนามทำให้ฟัม ต๋วนกลายเป็นคนดังในเชิงการสร้างสัญญะระดับประเทศ แม้ว่าการขึ้นสู่ห้วงอวกาศของนักบินผู้นี้จะผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ภาพวัยหนุ่มของฟัม ต๋วนก็ยังปรากฏอยู่ตามหน้าหนังสือเรียนประถม-มัธยมประดุจดั่งสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางวิทยาการขั้นสูงที่เวียดนามได้มีโอกาสประสบพบเจอ
เรื่องของฟัม ต๋วนและความร่วมมือในโครงการอินเตอร์คอสมอสนับว่าเป็นหมุดหมายที่สำคัญของความสัมพันธ์โซเวียต-เวียดนามที่ไม่ได้มีเพียงแค่การสนับสนุนจากรัฐต่อรัฐจากหลายกรอบความร่วมมือที่โซเวียตเป็นแม่งาน เช่นที่เวียดนามเป็นสมาชิกสภาเพื่อความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางเศรษฐกิจ (Council for Mutual Economic Assistance) หรือคอมิคอน (Comecon)
ความร่วมมือผ่านโครงการอินเตอร์คอสมอสมีสำคัญกับเวียดนามในการสร้างวีรบุรุษร่วมสมัยที่จับต้องได้ ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ในช่วงนั้นเวียดนามเพิ่งรวมประเทศมาเป็นเวลาเพียง 4 ปี อันเป็นช่วงที่เวียดนามจำเป็นต้องสร้างจินตกรรมเรื่องความเป็นชาติร่วมกันของชาวเวียดนามเหนือและใต้ผ่านเรื่องราวของวีรบุรุษแห่งชาติ
อินเตอร์คอสมอสกับการสร้างรัฐบุรุษ
โครงการอินเตอร์คอสมอสที่ริเริ่มในปี 1978 เป็นเครื่องมือสำคัญทางการทูตของโซเวียต นอกเหนือจากการเสริมสร้างความสามัคคีท่ามกลางกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์และการร่วมกันพัฒนาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะด้านฟิสิกส์ ชีววิทยาอวกาศ รวมไปถึงด้านการแพทย์แล้วก็ยังเป็นเครื่องมือในการสมานความสัมพันธ์กับฝั่งโลกทุนนิยม อย่าง สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และออสเตรีย อีกด้วย
สหภาพโซเวียตอาศัยโครงการคอสมอสในการสร้างประโยชน์ร่วมกับประเทศพันธมิตรสังคมนิยมด้านการวิจัยบนห้วงอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับเยอรมนีตะวันออกในการวิจัยอุปกรณ์เซ็นเซอร์ชนิดใช้แสงหรือการทดลองการโคจรของดาวเทียมร่วมกับเชโกสโลวาเกีย
แต่สำหรับโครงการคอสมอสที่โซเวียตริเริ่มทำกับประเทศชายขอบหรือประเทศโลกที่สามที่เป็นพันธมิตรอย่างคิวบา เวียดนาม หรือแม้กระทั่งอัฟกานิสถานกลับไม่ได้เป็นการวิจัยในลักษณะเดียวกันกับเหล่าพันธมิตรสังคมนิยมในยุโรป หากแต่เป็นไปเพื่อมุ่งสร้างความนิยมและกระชับความสัมพันธ์จากประเทศพันธมิตรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
Gerard Sasges อาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) มองว่าโครงการคอสมอสเดิมทีเป็นโครงการเน้นการวิจัยทดลองที่เวียดนามอ้างว่าได้ประโยชน์ในการจัดทำชุดข้อมูลสำหรับพัฒนาและฟื้นฟูชาติหลังจากสงครามเวียดนามสิ้นสุด ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายโซเวียตไม่ได้ประโยชน์จากการพัฒนาวิทยาการร่วมแบบที่เคยทำกับพันธมิตรในยุโรปตะวันออก
Gerard มองว่าอินเตอร์คอสมอสคือการเน้นย้ำแนวทางให้เวียดนามผูกติดกับโซเวียตมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงมีแค่การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามแบบฉบับโซเวียต แต่ยังรวมไปถึงการแสดงนาฏกรรม พิธีกรรม และสัญญะจากรัฐ
โครงการอินเตอร์คอสมอสเป็นเวทีนาฏกรรมที่แต่งองค์ทรงเครื่องให้ฟัม ต๋วนเป็นตัวละครหลักในการแสดงละครชาตินิยมบวกสังคมนิยมเพื่อให้คนคล้อยตามหรือมีจินตกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประเทศเพิ่งจะรวมชาติได้ไม่นาน
ฟัม ต๋วน ยังได้รับการสร้างให้เป็นวีรบุรุษสงครามผู้ยิ่งใหญ่ ผ่านการผลิตชุดประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ เช่นที่รัฐบาลเวียดนามอ้างว่าฟัม ต๋วนในฐานะทหารอากาศและอดีตนักเรียนโรงเรียนนักบินทหารจากโซเวียตในปี 1967 สามารถขับเครื่องบินขับไล่และยิงเครื่องบินบี 52 ของสหรัฐฯ ที่บินเข้ามาทิ้งระเบิดปูพรมที่ฮานอยและไฮฟองลงได้ แม้ว่าทางสหรัฐฯ จะออกมาบอกว่าเครื่องบินลำดังกล่าวไม่ได้ถูกยิงด้วยเครื่องบินขับไล่ แต่ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน
ทั้งนี้ความร่วมมือที่โซเวียตหยิบยื่นให้เวียดนามได้กลายเป็นการสร้างชุดประวัติศาสตร์ใหม่และมีประสิทธิภาพต่อการสร้างชาติของเวียดนามที่ไม่ใช่เพียงแค่เวียดนามเป็นคนกำหนดประวัติศาสตร์ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังได้รับความช่วยเหลือจากประเทศมหาอำนาจอีกด้วย
‘ฮีโร่แห่งชาติ’ ของขวัญจากพี่ใหญ่
นอกจากเรื่องโครงการคอสมอสที่เป็นสปริงบอร์ดให้กับชาติพันธมิตรสังคมนิยมในการสร้างชาติ สิ่งที่น่าสนใจคือ ฟัม ต๋วน ไม่ใช่แค่วีรบุรุษของเวียดนามเท่านั้น แต่โซเวียตซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ และพี่ใหญ่ของฝั่งสังคมนิยมก็ยอมรับฟัม ต๋วนในฐานะวีรบุรุษเช่นเดียวกัน
การประกาศแต่งตั้งและการมอบเหรียญวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะกรณีของฟัม ต๋วน เท่านั้น แต่โซเวียตได้มอบเหรียญวีรบุรุษให้กับคอสโมนอตทุกคนที่ปฏิบัติการ โดยเริ่มให้ตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งนักบินอวกาศคนแรกที่ได้คือวลาดิมีร์ เรเมก ชาวเชโกสโลวาเกีย
สำหรับผู้ที่เข้าเงื่อนไขการได้รับเหรียญวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตจะต้องเป็นผู้ที่ทำคุณงามความดีให้กับสหภาพโซเวียตและผู้ที่ได้รับจะต้องผ่านการพิจารณาจากประธานคณะผู้บริหารสูงสุดของสภาโซเวียตสูงสุด (Presidium of the Supreme Soviet) ขณะเดียวกันประธานคณะฯ ก็มีสิทธิ์ที่จะยึดเหรียญวีรบุรุษคืนเช่นกัน
การประกาศมอบเหรียญวีรบุรุษเป็นหนึ่งในการกระชับไมตรีระหว่างประเทศ แต่อีกนัยหนึ่งคือการสะท้อนถึงการคงคุณค่าอันสำคัญของแนวสังคมนิยมของทั้งสองประเทศผ่านการกระทำเชิงสัญญะที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ซึ่งการมีมิตรประเทศเช่นนี้มีความหมายอย่างมากแก่โซเวียตที่พยายามแข่งขันบารมีระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ และจีนที่เป็นหอกข้างแคร่ อีกทั้งยังพยายามหาประเทศที่ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์เข้ามาเป็นพวก
หลังจากที่ ฟัม ต๋วนได้รับเหรียญวีรบุรุษแห่งโซเวียต นักบินอวกาศสัญชาติเวียดนามผู้นี้ก็กลายเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญของเนื้อเรื่องการสร้างชาติ การสร้างภาพจำ รวมไปถึงการสร้างสำนึกร่วมกันของคนในชาติผ่านสิ่งที่เรียกว่าฮีโร่แห่งชาติที่ไม่ใช่แค่ได้รับการยอมรับในประเทศ แต่อดีตคอสโมนอตผู้นี้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้วย
สำหรับความช่วยเหลือในรูปแบบการสร้างภาพลักษณ์ให้กับชาติพันธมิตรไม่ได้มีเพียงแค่ฝั่งโซเวียตเท่านั้นที่ทำในช่วงสงครามเย็น หากแต่ฝั่งสหรัฐฯ ก็มีการลงมือทำเช่นกัน แต่อาจจะมาในรูปแบบที่แตกต่างกันโดยมีหลายโครงการที่ริเริ่มโดยสหรัฐฯ และจบที่การเกิดขึ้นของรัฐบุรุษจากประเทศปลายทางที่มหาอำนาจยื่นมือเข้าไป
มีอยู่หลายครั้งที่สหรัฐฯ เข้าไปให้ความช่วยเหลือกับประเทศปลายทางในรูปแบบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ แต่ผู้เขียนมองว่าสหรัฐฯ ในยุคสงครามเย็นไม่ได้มองประเทศพันธมิตรเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ แต่มีการวางตำแหน่งของประเทศต่างๆ ตามความสำคัญทางภูมิศาสตร์ เช่น การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีที่แตกต่างกันระหว่างไทย ไต้หวัน และเกาหลีใต้ หรือกระทั่งการสนับสนุนบรรดาเผด็จการให้คงอยู่ในอำนาจในช่วงสงครามเย็น
ซึ่งความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ แตกต่างจากการช่วยเหลือของโซเวียตที่ปฏิบัติกับประเทศชายขอบในลักษณะเท่าเทียมกันกับประเทศโลกที่หนึ่ง อย่างการดึงเอาเวียดนามมาเป็นหนึ่งในโครงการอินเตอร์คอสมอสเช่นเดียวกับฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมเก่าของเวียดนาม
มรดกตกทอดสู่ความสัมพันธ์เวียดนาม-รัสเซีย
แม้ว่าโครงการอินเตอร์คอสมอสและความร่วมมือต่างๆ ระหว่างประเทศคอมมิวนิสต์ได้หายไปหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตแล้ว แต่เวียดนามก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้กับประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตามแนวทางนโยบายต่างประเทศหรือนโยบายการดำเนินเศรษฐกิจของเวียดนามต่างเป็นไปตามแบบฉบับของโซเวียตทั้งสิ้น
การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเวียดนามดำเนินรอยตามโซเวียต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 1980 หลังจากที่เวียดนามเพิ่งจะรวมประเทศสำเร็จ แต่หลังจากปี 1991 เวียดนามต้องตกอยู่สภาวะเคว้งคว้าง อ่อนล้าทางแนวคิดอุดมการณ์ และสูญเสียที่พึ่งพิงเมื่อสหภาพโซเวียตพันธมิตรคนสำคัญล่มสลาย
จากการล่มสลายของโซเวียตนำสู่การเกิดใหม่รัฐต่างๆ หลายรัฐ หลายประเทศเริ่มละทิ้งคอมมิวนิสต์ หันหลังแนวคิดตลาดแบบสังคมนิยมเข้าสู่ทุนนิยมเต็มตัว การเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นทำให้เวียดนามต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่เพื่อนบ้านอาเซียนมากขึ้น แต่ยังคงสถานะของจีนให้เป็นผู้ร้ายแห่งชาติต่อไปแม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนกัน รวมไปถึงมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และประเพณีที่คล้ายคลึงกัน
มรดกที่โซเวียตทิ้งไว้ให้รัสเซียสานต่อความสัมพันธ์กับเวียดนามอาจไม่เหมือนหรือไม่หวือหวาเหมือนในช่วงสงครามเย็นอย่างการสนับสนุนอาวุธ การแลกเปลี่ยนบุคลากร การเข้าไปตั้งฐานทัพเพื่อช่วยเหลือยามเกิดเหตุวิกฤต หรือกระทั่งการส่งคนจากประเทศพันธมิตรขึ้นสู่ห้วงอวกาศ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นในรูปแบบการสานต่อสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและการขยายความร่วมมือทางการค้า
หนึ่งในตัวอย่างของการสานต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เคยมีร่วมกันคือ การสานต่อบริษัทสำรวจและขุดเจาะ เวียดซอฟเปโตร (Vietsovpetro) ที่เวียดนามกับโซเวียตร่วมกันก่อตั้งตั้งแต่ปี 1981 นอกจากนี้เวียดนามยังเป็นประเทศแรกนอกกลุ่มอดีตสหภาพโซเวียตที่ลงนามการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (Eurasian Economic Union) ที่มีกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตเป็นสมาชิกและมีรัสเซียเป็นผู้เล่นหลักในกรอบการค้าดังกล่าว
ทั้งนี้แม้รูปแบบของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับรัสเซียจะเปลี่ยนไป แต่ความแนบแน่นของทั้งสองประเทศก็ยังคงอยู่ ซึ่งนอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว บทบาทของเวียดนามต่อรัสเซียในเรื่องสงครามยูเครนก็ไม่ได้แสดงออกมาในแง่ลบเหมือนกับหลายประเทศ
แน่นอนว่าหนึ่งในมรดกสำคัญที่ยังคงอยู่คือเรื่องราวของฟัม ต๋วน ซึ่งไม่ได้ตายหายไปกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และไม่ได้หายไปจากความทรงจำของผู้คน การเป็นวีรบุรุษของอดีตคอสโมนอตผู้นี้ถูกผลิตซ้ำจากฝั่งรัฐในฐานะรัฐบุรุษที่ผูกกับความเป็นชาติและแนวคิดแบบสังคมนิยมอยู่ตลอด และไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบการผลิตซ้ำทางความคิด มากกว่านั้นความทรงจำที่รัฐปลูกฝังผ่านการนาฏกรรมทำให้ฟัม ต๋วนไม่ใช่แค่ลุงนายทหารวัยเกษียณ แต่คงยังตราตรึงเป็นฮีโร่ของชาวเวียดนามและสัญลักษณ์แห่งวิทยาการก้าวหน้าอันเป็นผลพวงจากโอกาสซึ่งเป็นของขวัญล้ำค่าจากโซเวียตผู้ล่วงลับ
อ้างอิง
– Bergess, Colin; Vis, Bert (2015). Interkosmos – The Eastern Bloc’s Early Space Program. New York: Spriger Praxis
– Joint Venture “Vietsovpetro”
– Phạm Tuân: Vietnamese pilot and cosmonaut.
– Sasges, Gerard(2019). Symbolizing (in)dependence Vietnam, Intercosmos, and the strategic ambiguity of late socialist ritual. The Russian Journal of Vietnamese Studies. Vol 3, No 4.
– Vietnam-Russia Trade & Tourism Continues to Grow as ASEAN Nations Eye EAEU Free Trade Agreements (2019).
– Vietnam Caught Between the U.S. and Russia on Ukraine (April, 2022). Council on Foreign Relations.