ช่วงเวลาบ่าย ณ บริเวณย่านดินแดง เงียบเหงากว่าที่เคย ชนิดที่ว่าหากไร้ร่องรอยเศษซากพลุไฟ ปลอกกระสุนแก๊สน้ำตา ความเสียหายตามบ้านเรือน และความเจ็บปวดที่สะท้อนผ่านแววตาของชาวบ้านย่านดินแดง คงยากที่จะเชื่อว่าค่ำคืนที่ผ่านมาพื้นที่แห่งนี้เพิ่งจะประสบกับการเป็น ‘พื้นที่ปะทะ’ ระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) กับกลุ่มผู้ชุมนุมอิสระ
.
เป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนเต็มที่พื้นที่บริเวณดินแดงถูกบังคับเปลี่ยนสถานะชั่วคราว จากย่านที่อยู่อาศัยกลายมาเป็นพื้นที่เสี่ยงในการปะทะและการสลายการชุมนุม ส่งผลให้ชาวบ้านกว่าหลายร้อยชีวิตต้องแบกรับผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุดมูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้ตั้งโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวดินแดงที่ได้รับผลกระทบ เพื่อนำข้อมูลไปยื่นต่อกรมคุ้มครองสิทธิฯ กระทรวงยุติธรรม ให้เข้ามาดูแลชดเชยผู้ได้รับความเสียหายจากการปะทะและการสลายการชุมนุม แต่ก็ต้องผ่านขั้นตอนสำรวจและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นเสียก่อน จึงจะสามารถพิจารณามาตรการเยียวยาต่อไปได้
.
พลอย เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ใต้แฟลตดินแดง 1 คือหนึ่งตัวอย่างของผู้ได้รับผลกระทบ แม้ตัวเธอเองจะเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องสลายการชุมนุม แต่ก็เกิดคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องปฏิบัติการรุนแรงถึงขนาดนี้ พลอยยังสะท้อนอีกว่า ทุกครั้งที่มีปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ คฝ. ไม่เคยลงมาสื่อสารกับชุมชนว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอะไรบ้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและดำเนินไปอย่างไร้การรับฟังความเห็นจากชุมชน
.
สิ่งที่หลงเหลือไว้ให้พลอยหลังจากการสลายการชุมนุมในทุกค่ำคืน จึงมีเพียงร่องรอยความเสียหายภายในร้านและความกังวลที่ก่อขึ้นภายในจิตใจของเธอ เช่นเดียวกับอีกหลายครอบครัวในชุมชนย่านดินแดงที่เกิดคำถามว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ?