ธีรภัทร เจริญสุข เรื่อง
ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ
เมื่อไม่นานมานี้ กระแสนิยมไต้หวันในสื่อสังคมออนไลน์พุ่งสูงขึ้น มีการยกย่องแนวทางรับมือโรคระบาด COVID-19 ของไต้หวันที่ประสบความสำเร็จอย่างมากแม้จะอยู่ใกล้จุดเริ่มต้นของโรคระบาด และโดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ #nnevvy ซึ่งบานปลายจากเรื่องการทะเลาะกันของแฟนคลับนักแสดงซีรีส์แนวชายรักชาย กลายเป็นการรณรงค์ความรับรู้เรื่อง ‘ไต้หวันและฮ่องกงเป็นประเทศ’ สร้าง #milkteaalliance พันธมิตรชานมเพื่อตอบโต้กลุ่มนักเล่นเน็ตชาวจีน จนลุกลามกลายเป็นการวิวาทะเรื่องเขื่อนแม่น้ำโขงระหว่างมหาอำนาจจีนและสหรัฐอเมริกา

กระแสดังกล่าวอาจถูกมองจากคนที่ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวด้านความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ (Cross-strait Relation) ระหว่างสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าเป็นการขยายเรื่องเล็กให้ใหญ่โต แต่ไต้หวันหลังการขึ้นมานำของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน แห่งพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP 民進黨) เรื่องเล็กๆ สามารถทำให้จริงจังเป็นเรื่องใหญ่ได้ โดยเฉพาะด้วยฝีมือของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ต งานภาพกราฟิกและสื่อโซเชียล
ตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้นำเอาพลังสร้างสรรค์ของเยาวชน นักวาด นักเขียน และงานศิลปะประยุกต์รูปแบบใหม่เข้ามาร่วมหาเสียงตลอด สื่อหาเสียงของไช่อิงเหวิน มีทั้งในแบบการ์ตูนและอนิเมชัน และเมื่อชนะการเลือกตั้ง กลุ่มผู้สร้างสรรค์ผลงานก็ได้เข้าร่วมคณะกรรมการต่างๆ ของภาครัฐเพื่อส่งเสริมงานด้านวัฒนธรรมสมัยใหม่อย่างจริงจัง
(ตัวอย่างอนิเมชันอวยพรปีใหม่ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน)
เมื่อวงการวัฒนธรรมร่วมสมัยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านตัวแทนที่เป็นผู้ผลิตผลงานโดยตรง ทำให้ ‘เรื่องเล่นๆ’ เป็นเรื่องจริงจังอย่างกว้างขวาง พื้นที่เก่ารกร้างของหน่วยงานรัฐได้ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่แสดงงานศิลปะ ผลิตงานสร้างสรรค์ ออกแบบ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ โดยครอบคลุมแทบทุกแนวทางงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น Huashan 1914 Creative Park ที่ดัดแปลงมาจากโรงไวน์เก่ายุคอาณานิคมญี่ปุ่น, หมู่บ้านประวัติศาสตร์ทหารผ่านศึก 44 ใต้ โดยแต่ละแห่งมีองค์กรของกลุ่มผู้ผลิตงานสร้างสรรค์เข้าร่วมทำงาน วางแผน และปรับปรุงภูมิทัศน์ของอาคารเก่าแก่รกร้างของรัฐให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และยังเป็นที่รวม ที่พัก และตลาดของคนที่รักงานด้านนี้ไปพร้อมกัน

อาคารจัดแสดงงานด้านศิลปวัฒนธรรมแบบใหม่นี้ มีแห่งหนึ่งที่น่าสนใจไปชม หากเป็นคนที่ชอบหนังสือการ์ตูนในแบบญี่ปุ่น คือ Taiwan Comic Base ที่จัดแสดง โดยมีกลุ่ม CCC – Creative Comic Collection ซึ่งเป็นกลุ่มนักวาดนักเขียนร่วมมือกันจัดแสดงผลงาน เป็น Gallery Showcase ที่ทำให้เห็นวิวัฒนาการ การเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของงานคอมมิค/มังงะของไต้หวัน จากนักวาดการ์ตูนรุ่นเก่าแนวการเมืองและศาสนา ที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ คลี่คลายมาเป็นงานที่ได้รับอิทธิพลจากมังงะญี่ปุ่น เผยแพร่และตีพิมพ์ที่ญี่ปุ่นไปด้วย จนถึงงานยุคปัจจุบันที่มีเอกลักษณ์ผสมผสานซึ่งแตกต่างจากงานญี่ปุ่นหรือฮ่องกง คืองานลายเส้นแบบไต้หวัน จะมีฉากหลังละเอียด ใช้สีอ่อนหวานนุ่มฟุ้งกระจาย และรูปทรงลายเส้นของใบหน้าที่เรียวยาวกว่าญี่ปุ่น แต่ไม่เหลี่ยมแหลมแบบเกาหลี และใช้เรื่องราวความเชื่อ ศรัทธาในเทพเจ้าและตำนานพื้นเมืองมาผสมผสานด้วย ต่างจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เขียนเรื่องผีสางเทวดาไม่ได้ ซึ่งงบประมาณในการดัดแปลงตกแต่ง และจ้างบุคลากรดูแลนิทรรศการนี้ มาจากกระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน และมีการจัดจำหน่ายสินค้า หนังสือ ของที่ระลึก รวมถึงเป็นร้านกาแฟเพื่อหารายได้สนับสนุนด้วย

นอกจากนี้ ในการนำเสนอนิทรรศการของ Taiwan Comic Base ยังได้ดัดแปลงเอาเทคโนโลยี Virtual Reality และ Augmented Reality เข้ามาให้เราได้ชม โดยใช้ภาพการ์ตูนฉายลงบนแผนที่และภาพทิวทัศน์ของไต้หวัน เพื่อแนะนำสถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ผ่านงานอนิเมชั่น


จากการยอมรับผลงานสร้างสรรค์ดังกล่าวของภาครัฐ และส่งผลกระทบต่อสาธารณชนทั่วไป ทำให้เยาวชนไต้หวันรุ่นใหม่มีความภาคภูมิใจในเสรีภาพและการเปิดกว้างด้านการแสดงออก ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ถูกเซนเซอร์และคัดกรองจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนตลอดเวลา
นอกจากนี้ ไต้หวันยังกลายเป็นจุดรวมของการซื้อขายลิขสิทธิ์และสินค้าหนังสือทำมือของโลกภาษาจีน โดยงานการ์ตูนและคอสเพลย์ของไต้หวันเป็นงานใหญ่ประจำปี ที่ทั้งชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ชาวฮ่องกง และชาวญี่ปุ่น จะมาซื้อขายแลกเปลี่ยนและชมผลงานที่ไม่มีการเซ็นเซอร์หรือตัดทอนระบุเรตติ้งผู้ชม ทำให้จำนวนผู้เข้าชมและผู้ร่วมซื้อขายมีเป็นจำนวนมากมายแน่นขนัดในแต่ละครั้ง สร้างเม็ดเงินมหาศาลแก่วงการการ์ตูน คอสเพลย์ และศิลปะสร้างสรรค์ต่างๆ ตามไปด้วย

ความเอาจริงเอาจังในเรื่องเล่นๆ จนได้ดีในยุคใหม่ของไต้หวัน คงจะไม่มีใครเป็นภาพแทนได้ดีไปกว่า ไหลผิ่นอวี๋ 賴品妤 สมาชิกสภานิติบัญญัติจากการเลือกตั้ง เขต 12 นิวไทเปที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยภาพที่เธอแต่งคอสเพลย์เป็นอาสึกะ โซริว แลงลีย์ จากอนิเมชันญี่ปุ่นเรื่อง Neon Genesis Evangelion ขึ้นปราศรัยบนเวทีหาเสียงเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก

การชนะเลือกตั้งของ ส.ส. ไหลผิ่นอวี๋ ไม่ได้มีความสำคัญแค่เพราะเธอแต่งชุดคอสเพลย์ แต่เพราะว่าเธอเป็นตัวแทนของกระแสแนวคิดใหม่ที่ไม่อายที่จะเป็นตัวของตัวเอง ในความเป็นไต้หวันซึ่งเป็นแนวนโยบายของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า รวมถึงเธอยังนำเสนอนโยบายที่จะเป็นตัวแทนการพัฒนาครั้งใหม่ของเขตเลือกตั้งที่เธอลงสมัครอย่างจริงจัง ทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเก่าอย่างจิ่วเฟิ่น สือเฟิ่น ผิงซี จินซาน และการนำเทคโนโลยีเกษตรกรรมทันสมัยให้เข้าถึงเกษตรกรผู้สูงอายุ
ความเอาจริงเอาจังในเรื่องที่ดูเป็นเรื่องเด็กเล่นนี้เอง ที่เมื่อเยาวชนไต้หวันผู้รักในงานการ์ตูน อนิเมชัน และคอสเพลย์เติบโตขึ้นมาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเต็มตัว ได้ผลักดันให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเป็นตัวตนของไต้หวันที่ผสมผสานเอาประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐจีน ความเชื่อและศรัทธาแบบพื้นเมืองไต้หวัน เทคนิคและกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นเข้าร่วมกัน เป็นเอกภาพและความภาคภูมิใจของชาติรัฐไต้หวันยุคใหม่ที่ข้ามพ้นจากความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบแบบเดิม
เว็บไซต์งาน Fancy Frontier
เฟซบุ๊กทางการ ส.ส. ไหลผิ่นอวี๋
เฟซบุ๊กคอสเพลเยอร์ ไหลผิ่นอวี๋