fbpx

กำเนิดธรรมนูญปกครองสยามฉบับที่หนึ่ง: การต่อรองระหว่าง ‘เจ้า’ กับ ‘ราษฎร’ ในการอภิวัฒน์ 2475

รัฐธรรมนูญ

24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 คณะราษฎรได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาสู่ระบอบรัฐธรรมนูญ ต่อมาในวันที่ 26 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 คณะราษฎรขอเข้าเฝ้าเพื่อทูลเกล้าถวายธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามแก่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ธรรมนูญฉบับนี้ได้ร่างไว้ล่วงหน้าโดยหลวงประดิษฐ์มนูธรรม[1] และคณะราษฎร[2] โดยมีมาตราสำคัญที่มอบอำนาจการปกครองสูงสุดในทางหลักการแก่ราษฎรคือ มาตรา 1 อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอ่านธรรมนูญฯ แล้วได้ทรงเติมคำว่า ‘ชั่วคราว’ และประกาศใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ในวันที่ 27 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยาม[3] บทความนี้เสนอหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใหม่ของราษฎรปัญญาชนที่เขียนจดหมายถึงพระปกเกล้า เพื่อเสนอให้ตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น[4] และลำดับเหตุการณ์วันทูลเกล้าถวายธรรมนูญการปกครองอย่างละเอียด


พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475


การเห็นควรตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่นของราษฎรก่อนการปฏิวัติ


สยามในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีการขอพระราชทานคอนสติตูชั่น[5]และก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2 ครั้งสำคัญ ได้แก่ เหตุการณ์ ร.ศ. 103 นำโดยชนชั้นนำกับนักเรียนนอก[6] และเหตุการณ์ ร.ศ. 130[7] นำโดยทหารและปัญญาชนกลุ่มหนึ่ง รวมถึงเกิดการตื่นตัวทางความคิดเรื่องประชาธิปตัย[8]และคอนสติตูชั่น[9]ในกลุ่มราษฎรปัญญาชน โดยมีหลักฐานชั้นต้นสำคัญในงานศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คือจดหมายของนายภักดี และนายไทย เรื่องเห็นควรตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น ที่ส่งถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2468 (นับตามแบบปฏิทินเก่า)

ผู้เขียนขอคัดลอกข้อความต้นฉบับเอกสารไมโครฟิล์มจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ อย่างละเอียดทุกถ้อยความดังนี้

จังหวัดพระนคร

วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๘

ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้าได้ทราบข่าวเล่าลือกันทั่วไปว่า ในรัชกาลของใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท เมื่อแรกขึ้นครองแผ่นดินนี้ จะทรงตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น เปนปฐมราชกิจอันสำคัญยิ่ง เพื่อให้ราชการแผ่นดำเนิรในแบบแผนดียิ่งขึ้น แลให้นานาประเทศทั้งหลายไว้ใจนับถือยิ่งขึ้น ให้นานาประเทศรู้สึกว่า ประเทศสยามก็มิได้นิ่งนอนใจ มีหูตากว้างพอที่จะแลดูโลก ได้พยายามก้าวน่าไปในทางเจริญโดยเต็มกำลัง อย่างประเทศเอกราชทั้งหลายในโลก มิได้งมงายอยู่ในสิ่งที่พ้นสมัยแล้ว

ปฐมราชกิจนี้เปนกิจสำคัญจำเปนต้องมีตามแบบของพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนฯ ซึ่งเมื่อแรกขึ้นครอง ก็ได้กระทำมาแล้ว เช่นพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงปิยมหาราชรัชกาลที่ 5 แรกขึ้นครองแผ่นดินได้ทรงตั้งกฎหมายเลิกทาษ เปนปฐมราชกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกษฐ์รัชกาลที่ 6 ก็ได้ทรงตั้งกองลูกเสืออันนานาประเทศนิยมกันทั่วโลก ยกจรรยาของชาติให้สูงขึ้น เปนปฐมราชกิจสำคัญ เหตุฉะนั้นมาในรัชกาลของใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท จึงสมควรยิ่งนักที่จะทรงตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่นเปนปฐมราชกิจ เพราะจะหากิจการอย่างอื่นดียิ่งกว่าหรือเท่ากับกฎหมายชนิดนี้ก็ไม่มี แลเปนชิ้นอันสำคัญที่อวดนานาประเทศได้เต็มที่ แลเป็นความปรารถนาของทวยนาครทั่วไปที่เล่าลือกันเซงแซ่ในบัดนี้ตามที่ลือนั้น เนื่องจากกฎหมายคอนสติตูชั่นนี้ จะมีที่ประชุม ๒ สภา คือสภาชั้นสูงแลชั้นต่ำ สภาชั้นสูงมีเจ้านายแลขุนนางเปนสมาชิก สภาชั้นต่ำคือสภาประชาราษฎร์ แต่นัยว่า ในชั้นแรกเริ่มนี้จะมีแต่สภาชั้นสูงสภาเดียวก่อน สภาชั้นต่ำจะงดไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันควร ควรเลือกผู้เปนอรรคมหาเสนาบดี สมาชิกของสภาชั้นสูงเปนผู้เลือกโดยวิธีโหวดตามแบบของกฎคอนสติตูชั่น ผู้เปนสมาชิกของสภาชั้นสูงนั้น จะมีแต่เจ้านายชั้นสูงที่มีความสามารถเปนที่นิยมนับถือของคนทั่วไปไม่เคยเสียหายในราชการมาแต่ก่อนสมัยด้วย

แต่สำหรับอรรคมหาเสนาบดีคนแรกนี้ นัยว่าพระเจ้าแผ่นดินเลือกแลตั้งให้ทีเดียวไม่ต้องโหวด ซึ่งเหมาะแก่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์มีกำหนดอยู่ในตำแหน่ง ๗ ปี หรือ ๑๐ ปีแล้วแต่กฎหมาย

อนึ่ง กฎหมายคอนสติตูชั่นนี้ จะไม่ตัดทอนอำนาจพระเจ้าแผ่นดินแต่อย่างหนึ่งอย่างใดเลย กิจการทุกอย่างคงดำเนิรเปนกระแสร์พระบรมราชาโองการนั้นเองแปลกแต่มีหลักถานมั่นคงยิ่งขึ้น และมีพลาดน้อยเข้า เพราะทำด้วยความเห็นชอบของคนส่วนมากซึ่งมีความสามารถทั้งนั้น และทั้งต้องผ่านสภาอภิรัฐมนตรีอีกชั้น ๑ ในที่สุดจึงเป็นพระบรมราชโองการ ใช้ได้ทีเดียว 

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า นายภักดี ขอเดชะ 

ข้าพระพุทธเจ้า นายไทย ขอเดชะ[10]

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทจดหมายของนายภักดี และนายไทย ถึงรัชกาลที่ 7 ฉบับนี้ ในแง่ภาษาแสดงให้เห็นว่ามีลักษณะปัญญาชน ในแง่ความคิดมีลักษณะชนชั้นนำที่มีแนวคิดเชิงอนุรักษนิยม เนื่องจากเสนอการเปลี่ยนแปลงแบบคอนสติตูชั่นแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่การรีโวลูชั่นเลย กล่าวคือให้มีสองสภา ได้แก่ สภาสูงที่รัชกาลที่ 7 ทรงแต่งตั้งจากเสนาบดีชั้นสูง และสภาต่ำที่เป็นสภาของราษฎรซึ่งจัดให้มีขึ้นตามความเหมาะสมต่อไปในภายหลัง มิได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบระบบรัฐสภาแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตกในทันที

แม้จะยังไม่ได้ต้องการให้เปลี่ยนแปลงเป็นระบอบรัฐธรรมนูญแบบมีสภาผู้แทนราษฎรโดยฉับพลัน แต่จดหมายของนายภักดีและนายไทยก็สะท้อนการตื่นตัวทางความคิดและการเรียกร้องธรรมนูญการปกครองสยามในช่วงรัชกาลที่ 7


กำเนิดธรรมนูญปกครองสยามฉบับแรก : แนวคิด ลำดับเหตุการณ์ และคณะราษฎร


แนวคิดการยกร่างธรรมนูญการปกครองฉบับแรกโดยปรีดี พนมยงค์

ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามฉบับ 27 มิถุนายน 2475 นั้น ผมในนามคณะราษฎรเป็นผู้ยกร่างขึ้น เดิมไม่มีคำว่าชั่วคราว” ครั้นเมื่อผมนำไปทูลเกล้าถวายพระปกเกล้าฯ ที่วังศุโขทัย พระองค์ได้ขอให้เติมคำว่าชั่วคราวแล้วก็ทรงเขียนลายพระหัตถ์เองเติมคำว่าชั่วคราวไว้ โดยรับสั่งว่าให้ใช้ไปพลางก่อนแล้วจึงตั้งกรรมการและให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้เป็นรัฐธรรมนูญถาวรขึ้น[11]

ลำดับเหตุการณ์การเข้าเฝ้าทูลเกล้าถวายธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามโดยคณะราษฎร

การเข้าเฝ้าทูลเกล้าถวายธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามโดยคณะราษฎร ปรากฎในหนังสือพิมพ์ จดหมายเหตุลำดับเหตุการณ์ในสมัย พ.ศ. 2475 และหนังสืออนุสรณ์งานศพบ้างประปราย แต่ยังไม่เคยมีการลำดับเหตุการณ์อย่างชัดเจนจึงขอนำเสนอเป็นครั้งแรกในบทความนี้


สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินอย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง ภาค 1 พ.ศ. 2475[12]


วันที่ 26 มิถุนายน พุทธศักราช 2475

เวลา 9.11 น. มหาเสวกเอก เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ เสนาบดีกระทรวงวัง รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ให้เชิญนายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร และผู้แทนคณะราษฎร ประกอบด้วย นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี นายพันโท พระประศาสน์พิทยายุทธ นายพันตรี หลวงวีระโยธา หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ร้อยเอก ประยูร ภมรมนตรี นายจรูญ ณ บางช้าง นายสงวน ตุลารักษ์ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

เวลา 11.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออก พระยาสุริยวงศ์วิวัฒน์ นำนายพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พร้อมด้วยคณะราษฎรเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคืนพระราชกำหนดนิรโทษกรรมมาแล้ว หลวงประดิษฐ์มนูธรรมจึงอ่านพระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อหลวงประดิษฐ์มนูธรรมอ่านถวายจนจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสว่า

“ข้อความในพระราชบัญญัตินั้นมาก พระองค์ยังไม่สู้จะเข้าพระทัยดี ใคร่จะขอร่างพระธรรมนูญนี้ไว้ดูก่อน”

แล้วพระองค์ก็เสด็จขึ้น ราว 30 นาที พระยาอิศราฯ นำร่างธรรมนูญกลับมาหาคณะราษฎร ซึ่งคอยอยู่และแจ้งอย่างเป็นทางการว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งมาว่า

“พระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองนี้ยาวมาก บางตอนยังไม่เข้าพระทัยดี ครั้นจะประทานพระบรมนามาภิธัยลงทันทีก็ดูจะไม่งามนัก ขอ…ส่งคืนไปตามทางการในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เวลา 17.00 น.”

คณะราษฎรเห็นเป็นการสมควรที่จะผ่อนตามพระราชประสงค์ที่พระองค์แจ้งมา ครั้นแล้วพระยาอิศราฯ ก็บรรทุกพระบรมราชโองการขอผัดลงนามมอบให้แก่คณะราษฎรเป็นหลักฐาน แล้วคณะราษฎรจึงกลับมายังพระที่นั่งอนันตสมาคม


จดหมายเหตุบันทึกเหตุการณ์ของคณะราษฎรปกครองแผ่นดิน
และพระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พ.ศ. 2475



วันที่ 27 มิถุนายน พุทธศักราช 2475

เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานร่างพระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม คืนมายังคณะราษฎรโดยลงพระบรมนามาภิธัย ประกาศใช้เป็นธรรมนูญการปกครองฉบับแรกของสยาม มีชื่อเรียกว่า พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 จำนวน 39 มาตรา และทรงมีพระบรมราชโองการดำรัสไว้ในธรรมนูญว่า

“โดยที่คณะราษฎรได้ขอร้องให้อยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม เพื่อบ้านเมืองจะได้เจริญขึ้น และ

โดยที่ได้ทรงยอมรับตามคำขอร้องของคณะราษฎร

จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยมาตราต่อไปนี้…”


วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475

คณะราษฎรตั้งสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวขึ้น และผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารได้ปฎิบัติตามพระราชธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 เพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 70 นาย ซึ่งมีทั้งฝ่ายคณะราษฎรและฝ่ายอนุรักษนิยมเดิมเข้าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวร่วมกัน

เวลา 12.30 น. ผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารอัญเชิญเสด็จสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และกรมพระนริศรานุวัติวงศ์ กลับจากพระที่นั่งอนันตสมาคมสู่วังโดยรถส่วนพระองค์[13]


กำเนิดธรรมนูญปกครองสยามฉบับแรก ในวันที่ 27 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการเมืองก่อนและหลังการอภิวัฒน์ 2475 ได้เป็นอย่างดี แม้การณ์จะดำเนินไปอย่างสงบ แต่ภายใต้ความสงบนั้นมีชั้นเชิงการต่อรองของทั้งสองฝ่ายที่แสดงออกอย่างแยบคาย และปรากฎชัดต่อมาในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร 10 ธันวาคม 2475


บรรณานุกรม

เอกสารชั้นต้น

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. สบ.10.11.4/167 เอกสารส่วนบุคคล พันเอก แสง จุละจาริตต์ เรื่อง สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครอง (ม.ป.ท. : ม.ป.ป.)

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มร.7 บ./10 เอกสารรัชกาลที่ 7 เรื่อง นายภักดี, นายไทย, เห็นควรตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น (2468)

หนังสือพิมพ์

ศรีกรุง, 28 มิถุนายน 2475

หนังสืออนุสรณ์งานศพ

ธีรัชย์ พูลท้วม, ประวัติคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475, ดร. เจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒน

ภักดี จัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายธีรัชย์ พูลท้วม เป็นกรณีพิเศษ ณ ฌาปนสถานคุรุสภา วัดสระ

เกศ กรุงเทพมหานคร 11 มีนาคม 2539, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมิก จำกัด, 2539)

หนังสือภาษาอังกฤษ

Arjun Subrahmanyan, Amnesia: a history of democratic idealism in modern

Thailand, (NewYork : State University of New York,  2021)

หนังสือภาษาไทย

กษิดิศ อนันทนาธร, บรรณาธิการ, ปรีดีบรรณานุสรณ์ 2565: บางเรื่องเกี่ยวกับคณะราษฎร 2475, (กรุงเทพฯ:

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2565) 

กุหลาบ สายประดิษฐ์, เบื้องหลังการปฏิวัติ ๒๔๗๕, (กรุงเทพฯ: แสงดาว, 2565)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, จาก 14 ถึง 6 ตุลา ประวัติศาสตร์การเมืองพิสดารของสยามสมัยใหม่, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิ 14 ตุลา, 2562)

จดหมายเหตุบันทึกเหตุการณ์ของคณะราษฎรปกครองแผ่นดิน  และพระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม

พ.ศ. 2475, (พระนคร: โรงพิมพ์เจตนาผล, 2475)

ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, 2475 และ 1 ปีหลังการปฏิวัติ, (กรุงเทพฯ : สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,

2543)

บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, รัฐธรรมนูญสถาปนา : ชีวิตและชะตากรรมของประชาธิปไตยในวัฒนธรรมไทย, (กรุงเทพฯ : วิภาษา

และสถาบันเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมร่วมสมัย, 2549)

เบนจามิน เอ. บัทสัน, อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม, บรรณาธิการแปลโดย พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส

ขันติวรพงศ์, ศศิธร รัชนี ณ อยุธยา, (กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2560)

นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475, (กรุงเทพฯ : ฟ้าเดียวกัน, 2553)

นริศ จรัสจรรยาวงศ์, ๒๔๗๕ ราษฎรพลิกแผ่นดิน,(กรุงเทพฯ : มติชน, 2564)

ปั้น บุณยเกียรติ และเฮง เล้ากระจ่าง, สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินอย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการ

ปกครอง ภาค 1, (พระนคร: โรงพิมพ์เดลิเมล์, 2475)  

ศรัญญู เทพสงเคราะห์, ราษฎรธิปไตย : การเมือง อำนาจ และทรงจำของ(คณะ)ราษฎร,(กรุงเทพฯ : มติชน, 2562)

เหรียญ ศรีจันทร์ และเนตร พูนวิวัฒน์, ปฏิวัติ ร.ศ. 130 พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ : มติชน, 2564)

วิทยานิพนธ์

ทิพวรรณ บุญทวี, “ความคิดทางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ : ระยะเริ่มแรก (พ.ศ. 2443-2477),” (วิทยานิพนธ์

รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย, 2528)

สื่ออิเล็กทรอนิกส์

กษิดิศ อนันทนาธร. (4 มีนาคม 2565). ‘ชุบ ศาลยาชีวิน’ มือพิมพ์ดีด ‘ปฐมรัฐธรรมนูญ’ สยาม. สืบค้นจาก  https://www.the101.world/first-constitution/

ประจักษ์ ก้องกีรติ. (24 มิถุนายน 2560). การปฏิวัติ 2475 ที่โรงเรียนไม่ได้สอน. สืบค้นจาก https://www.the101.world/the-myths-of-2475/

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์. (27 มีนาคม 2563). 24 มิถุนายน 2475 ยุทธการพลิกแผ่นดินสยาม. สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2020/03/37



[1] บรรดาศักดิ์ของปรีดี พนมยงค์ ในเวลานั้น

[2] กษิดิศ อนันทนาธร. (4 มีนาคม 2565). ‘ชุบ ศาลยาชีวิน’ มือพิมพ์ดีด ‘ปฐมรัฐธรรมนูญ’ สยาม. สืบค้นจาก  https://www.the101.world/first-constitution/

[3] เบนจามิน เอ. บัทสัน, อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม, บรรณาธิการแปลโดย พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส

ขันติวรพงศ์, ศศิธร รัชนี ณ อยุธยา, (กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2560) และนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475, (กรุงเทพฯ : ฟ้าเดียวกัน, 2553)

[4] ในสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 สยามยังไม่มีการบัญญัติคำว่า รัฐธรรมนูญ จึงใช้คำทับศัพท์ และคำว่าธรรมนูญเป็นหลัก  ส่วนคำว่า รัฐธรรมนูญ ได้มีการบัญญัติศัพท์คำนี้ขึ้นในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฯ ฉบับที่ 2 คือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475  โดยหม่อมเจ้า วรรณไวทยากร วรวรรณ ทรงอธิบายความหมายไว้ดังนี้

“…ตามศัพท์แปลว่าระเบียบอำนาจหน้าที่ในการปกครองแผ่นดิน “ธรรมนูญ” แปลว่า ระเบียบอำนาจหน้าที่ และ “รัฐ” แปลว่า การปกครองแผ่นดิน เป็นคำที่ดัดแปลงมาจากวลีที่ว่า “พระธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน” เพื่อให้กระทัดรัดขึนและเพื่อให้เป็นศัพท์ขลังตามสมควรแก่สภาที่ศักดิ์สิทธิ์ คำว่า “รัฐธรรมนูญ” นี้ เป็นคำแปลมาจากภาษาฝรั่งว่า “Constitution” เพราะวิธีปกครองแบบนี้เป็นวิธีดัดแปลงมาจากฝรั่ง…” โปรดดูเพิ่มเติม บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, รัฐธรรมนูญสถาปนา : ชีวิตและชะตากรรมของประชาธิปไตยในวัฒนธรรมไทย, (กรุงเทพฯ : วิภาษา และสถาบันเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมร่วมสมัย, 2549)

[5] แนวคิดคอนสติตูชั่น ปรากฏครั้งแรกในสังคมสยามจาก The Bangkok Recorder ค.ศ. 1865-1866 โปรดดูเพิ่มเติม บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, รัฐธรรมนูญสถาปนา : ชีวิตและชะตากรรมของประชาธิปไตยในวัฒนธรรมไทย, (กรุงเทพฯ : วิภาษาและสถาบันเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมร่วมสมัย, 2549), หน้า 66-67. และ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, จาก 14 ถึง 6 ตุลา ประวัติศาสตร์การเมืองพิสดารของสยามสมัยใหม่, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิ 14 ตุลา, 2562), หน้า 137-138.

[6] บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, รัฐธรรมนูญสถาปนา : ชีวิตและชะตากรรมของประชาธิปไตยในวัฒนธรรมไทย, (กรุงเทพฯ : วิภาษาและสถาบันเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมร่วมสมัย, 2549)

[7] เหรียญ ศรีจันทร์ และเนตร พูนวิวัฒน์, ปฏิวัติ ร.ศ. 130 พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ : มติชน, 2564)

[8] สะกดคำตามศัพท์บัญญัติ ในทศวรรษ 2470

[9] สะกดคำตามศัพท์บัญญัติ ในทศวรรษ 2470

[10] หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. มร.7 บ./10 เอกสารรัชกาลที่ 7 เรื่อง นายภักดี, นายไทย, เห็นควรตั้งกฎหมายคอนสติตูชั่น (2468)

[11] ทิพวรรณ บุญทวี, “ความคิดทางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ : ระยะเริ่มแรก (พ.ศ. 2443-2477),” (วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย, 2528), หน้า 33-34.

[12] หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. สบ.10.11.4/167 เอกสารส่วนบุคคล พันเอก แสง จุละจาริตต์ เรื่อง สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครอง (ม.ป.ท. : ม.ป.ป.)

[13] ปั้น บุณยเกียรติ และเฮง เล้ากระจ่าง, สยามรัฐเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินอย่างมีพระราชาธิบดีอยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครอง ภาค 1, (พระนคร: โรงพิมพ์เดลิเมล์, 2475), หน้า 41-59.  และ จดหมายเหตุบันทึกเหตุการณ์ของคณะราษฎรปกครองแผ่นดิน  และพระราชบัญญัติพระธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พ.ศ. 2475, (พระนคร: โรงพิมพ์เจตนาผล, 2475)

MOST READ

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save