fbpx

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก: อำนาจท้องถิ่นใกล้ตัวที่ถูกมองข้าม

เหตุการณ์สังหารหมู่ที่หนองบัวลำภูสร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก อายุเพียง 2-4 ขวบ พร้อมคำพูดของผู้นำรัฐบาล และผู้สูญเสีย “มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก” “ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”

แต่อาจพูดได้ว่าครั้งนี้เป็นการสังหารหมู่ในโรงเรียนครั้งแรกของไทยเลยก็ว่าได้ เพราะเหตุรุนแรงตั้งต้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ก่อนหน้านี้เราเคยรับรู้จากข่าวที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา หรือที่เรียกกัน Scholl Shooting แต่ถ้าหากย้อนดูในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าสังคมไทยเจอโศกนาฏกรรมหมู่หลายครั้ง

– 2558 ระเบิดราชประสงค์ ผู้เสียชีวิต 20 ราย

– 2562 เรือฟินิกส์ล่ม ผู้เสียชีวิต 47 ราย

– 2563 กราดยิงโคราช ผู้เสียชีวิต 31 ราย (นับรวมผู้ก่อเหตุ)

– 2565 ไฟไหม้เมาน์เทนบี ผู้เสียชีวิต 24 ราย

– 2565 กราดยิงหนองบัว ผู้เสียชีวิต 38 ราย (นับรวมผู้ก่อเหตุ)

โศกนาฏกรรมข้างต้นถูกโหมข่าวอย่างหนักในช่วงแรกๆ ก่อนจะค่อยๆ เงียบหายไป และไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

แน่นอน เหตุการณ์ครั้งนี้เช่นกัน มีเรื่องน่าสนใจในหลายแง่มุม หลายประเด็นถูกพูดถึงไปเยอะแล้ว เช่น เรื่องระบบวินัยตำรวจ การถือครองอาวุธปืน ปัญหายาเสพติด ปมทางจิตวิทยาของผู้ก่อเหตุ รวมถึงความเหมาะสมในการนำเสนอข่าวของสื่อ

แต่เรื่องหนึ่งที่กลับหายไปในสื่อหลัก คือ บทบาทของ อบต.ที่ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยตรง หากสังเกตจากการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เราจะเห็นตัวละครอย่าง ผบ.ตร.ที่เพิ่งจะนั่ง ฮ.มาถึงในช่วงเย็นของเหตุการณ์วันนั้น, อัยการคุ้มครองสิทธิพูดเรื่องความช่วยเหลือทางกฎหมาย, พมจ. (พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด) กล่าวถึงการเยียวยาจิตใจเด็กและครอบครัว, ยุติธรรมจังหวัดอธิบายเรื่องเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา, รองผู้ว่าฯ ก็นั่งอยู่ด้วยเพื่อคอยตอบคำถามนักข่าว, แต่ไม่มีนายก อบต.ในฐานะเจ้าของสถานที่บนเวทีนี้ สะท้อนภาพการทำงานของระบบราชการไทย และการไม่ให้ความสำคัญต่อการปกครองท้องถิ่น

บทความตอนนี้อยากพาย้อนกลับไปสำรวจที่มาที่ไปของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ปัจจุบันกลายเป็นสถานศึกษาใกล้บ้านที่อยู่ในความดูแลของ อปท.ทั่วประเทศ ในแง่หนึ่งก็เป็นตัวอย่างรูปธรรมที่สะท้อนยุคสมัยของการกระจายอำนาจอันรุ่งโรจน์ ก่อนจะถูกฉุดรั้งจากการรัฐประหารทั้งสองครั้ง

A woman leaves an offering for the children, who were killed by a former police officer in a mass shooting in a nursery, outside the site in Na Klang in Thailand’s Nong Bua Lam Phu province on October 9, 2022. (Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP)

เดิมก่อนหน้าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ตั้งขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กในวัย 3-5 ขวบ ก่อนเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษา อยู่ภายใต้การดำเนินการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ (ปัจจุบันอยู่ในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม) และสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งมีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน อาทิ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของกรมการพัฒนาชุมชนบริหารงานโดยคณะกรรมการพัฒนาเด็ก ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนผู้ปกครอง/ผู้นำท้องถิ่น ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด/มัสยิด บริหารงานโดยคณะกรรมการบริหารศูนย์อบรมก่อนเกณฑ์ในวัด/มัสยิด ซึ่งมีเจ้าอาวาส/อิหม่ามเป็นประธาน การจัดการศึกษาอนุบาล 3 ขวบของ สปช. บริหารงานโดยผู้บริหารโรงเรียน รวมเฉพาะส่วนนี้มีจำนวน 14,326 แห่ง 

นอกจากนี้ยังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ตั้งอยู่ตามพื้นที่ห่างไกล และมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จัดการศึกษาโดยเทศบาลที่พอมีศักยภาพด้านงบประมาณ ซึ่งเราไม่มีข้อมูลเรื่องจำนวน ณ ขณะนั้น

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่อยู่ที่ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งตามแผนปฏิบัติการฯ ระบุให้ส่วนราชการต่างๆ ต้องถ่ายโอนศูนย์เด็กเล็กในความรับผิดชอบของหน่วยงานตนให้เทศบาลและ อบต. รับไปดำเนินการแทนตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

นอกจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของท้องถิ่นที่รับถ่ายโอนมาแล้ว ยังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ท้องถิ่นจัดตั้งเอง ทั้งในห้วงก่อนหน้า และภายหลัง

กล่าวได้ว่าปัจจุบันศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอยู่ในความดูแลของท้องถิ่นเกือบทั้งหมด ยกเว้นสถานรองรับเด็กเอกชนที่จดทะเบียนซึ่งขึ้นกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่มีจำนวนประมาณ 1,350 แห่ง

ตารางเปรียบเทียบจำนวนและสังกัดของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กระหว่างปี 2545 กับปี 2564 [1]

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจึงเป็นตัวอย่างรูปธรรมของอำนาจท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ตัวประชาชนที่สุด (เทียบอัตราส่วนง่ายๆ เฉลี่ยแล้วทุก 4 หมู่บ้านจะมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตั้งอยู่ 1 แห่ง) และเป็นภารกิจภาครัฐที่ดำเนินการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหลัก ไม่เหมือนภารกิจอื่นที่มีหน่วยงานรับผิดชอบหลากหลาย ไม่ว่าเรื่องถนน สถานพยาบาล สถานศึกษาในระดับที่สูงกว่าการศึกษาปฐมวัย สนามกีฬา สวนสาธารณะ แหล่งน้ำ ฯลฯ

ตัวอย่างจากพื้นที่วิจัยของผู้เขียน ซึ่งชี้ให้เห็นด้านดีของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่สังกัดท้องถิ่น เมื่อลองเทียบโรงเรียนในสังกัดส่วนกลาง

หมู่บ้านบนดอยแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มีประชากรเป็นชนเผ่า 100% ในพื้นที่มีสถานศึกษา 2 แห่ง แห่งแรกเป็นของ อบต. รับเด็กเล็กก่อนวัยเรียน อีกแห่งขึ้นกับ สพป. (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา) เป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนตั้งแต่อนุบาลไปจนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อบต.มีครู 3 คน เป็นในคนพื้นที่และพูดภาษาถิ่นได้ ดูแลเด็กประมาณ 50 คน การจัดการเรียนการสอนค่อนข้างมีความยืดหยุ่น ทุกวันศุกร์จะเป็นวันที่ใช้ภาษาพื้นถิ่นสอน งบประมาณได้รับการจัดสรรจาก อบต.อย่างเพียงพอ เพราะนายกฯ ค่อนข้างให้ความใส่ใจ ขณะที่อีกโรงเรียนมีครู 14 คน ไม่มีครูที่เป็นคนพื้นที่ ต้องใช้ภาษาไทย และยึดหลักสูตรของกระทรวงเป็นหลัก จำนวนนักเรียนรวมกันทุกชั้นเกือบ 200 คน ขณะเดียวกันก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้อำนวยการโรงเรียน และครูขอย้ายบ่อย อีกทั้งหลายโครงการและหลายกิจกรรมต้องหาเงินนอกงบประมาณมาใช้ เนื่องจากมีข้อจำกัดทางงบประมาณ

อีกประเด็นคือ ความสัมพันธ์ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกับคนในชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่ชนบท ซึ่งมีตัวอย่างที่สื่อไม่ค่อยนำเสนอคือ แม้แต่นายก อบต.อุทัยสวรรค์เองก็ได้สูญเสียเหลนวัย 2 ขวบที่น่ารักน่าชังจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ ผู้ปกครองที่ต้องทำงานและเลี้ยงลูกไปด้วยก็หวังพึ่งพาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและบรรเทาภาระของตน คนที่อยู่อาศัยในเมืองอาจมีทางเลือกอื่น แต่คนในชนบท นอกเสียจากฝากให้คนเฒ่าคนแก่ดูแลเด็กเล็กแทนแล้ว ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กคือทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ เหตุการณ์กราดยิงนี้จึงกระทบต่อความเชื่อมั่นว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอาจไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับบุตรหลานอีกต่อไป

แม้นที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้จัดทำมาตรฐานการดำเนินงานศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แบ่งออกเป็น 6 ด้าน

1. มาตรฐานด้านการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

2. มาตรฐานด้านบุคลากร

3. มาตรฐานด้านอาคาร สถานที่ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย

4. มาตรฐานด้านวิชาการและกิจกรรมตามหลักสูตร

5. มาตรฐานด้านการมีส่วนร่วมและส่งเสริมสนับสนุน

6. มาตรฐานด้านส่งเสริมเครือข่ายการพัฒนาเด็กปฐมวัย

ซึ่งได้มีการเอ่ยถึงมาตรการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินและอันตรายต่างๆ บรรจุเอาไว้เช่นกัน

ทว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยส่วนใหญ่ยังคงไปไม่ถึงมาตรฐานดังกล่าว ด้วยมีข้อจำกัดมากมาย เท่าที่ประมวลจากงานวิจัยที่มีออกมาเยอะมากๆ (แค่เพียงค้นหาในระบบ ThaiJO ก็มีร่วม 700 ชิ้นแล้ว) พบปัญหาจัดกลุ่มได้ดังนี้

(1) ผู้บริหารท้องถิ่นไม่ให้ความสำคัญต่อศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเท่าที่ควร ไม่มีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับภารกิจด้านการศึกษา

(2) งบประมาณที่ได้รับไม่เพียงพอสำหรับการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะทรัพยากรและสิ่งเอื้อเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก

(3) บุคลากรยังมีน้อย ไม่สอดคล้องกับจำนวนนักเรียน ค่าตอบแทนและสวัสดิการไม่เหมาะสมเมื่อเทียบกับภาระความรับผิดชอบที่เหล่าครู-ผู้ช่วยครูต้องทำงานหลายหน้าที่ (เป็นแม้กระทั่งยามรักษาความปลอดภัย) บางตำแหน่งยังไม่มีความมั่นคง เช่น ผู้ช่วยครูผู้ดูแลเด็กเป็นพนักงานจ้างตามภารกิจ หลายแห่งไม่มีครูที่มีสถานะเป็นข้าราชการประจำอยู่ นำมาซึ่งปัญหาขาดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน

(4) อาคารสถานที่เก่าและทรุดโทรม ขาดการบำรุงรักษาที่ดี หลายแห่งมีคำถามถึงเรื่องความปลอดภัย เพราะไม่ได้มีรั้วรอบขอบชิด สภาพแวดล้อมที่อาจไม่ถูกสุขลักษณะภายในตัวอาคาร ห้องเรียนที่แออัดคับแคบเอื้อให้เกิดโรคติดต่อต่างๆ ในเด็กได้ง่าย ตลอดจนไม่มีพื้นที่ทำกิจกรรมภายนอก เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็ก

(5) ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองแสดงความคิดเห็นต่อหลักสูตรและรูปแบบการเรียนการสอน หลักสูตรที่ใช้ไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับท้องถิ่นของเด็ก เรื่องราวในท้องถิ่นยังไม่ถูกบรรจุลงในหลักสูตร

ข้างต้นคงไม่ต่างกับความรู้สึกลึกๆ ที่แสดงออกผ่านหน้าเพจของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์หลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงไปกว่าครึ่งเดือน แต่ยังไม่มีรูปธรรมใดที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยรวมต้องเผชิญ

“จากเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา..ขอให้เป็นเหตุการณ์สุดท้ายของประเทศนี้และโลกใบนี้..อย่าให้มันจบแค่การเยียวยาผู้สูญเสียและผู้รับผลกระทบ..ปัญหาระดับชาติที่ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่าพึ่งลืมเรื่องนี้นะคะ..ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศกำลังรอความชัดเจน..#อย่าลืมพวกเรา..”

References
1 ข้อมูลปี 2545 จากบทนำในคู่มือมาตรฐานการดำเนินงานศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น http://www.dla.go.th/upload/ebook/column/2017/4/2199_5930.pdf ข้อมูลปี 2564 จาก https://catalog.moe.go.th/dataset/dataset-15_24/resource/032d0765-0e72-4591-838a-f8013a88ec93

MOST READ

Social Issues

27 Aug 2018

เส้นทางที่เลือกไม่ได้ ของ ‘ผู้ชายขายตัว’

วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์ พาไปสำรวจโลกของ ‘ผู้ชายขายบริการ’ ในย่านสีลมและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดปูมหลังชีวิตของพนักงานบริการในร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไปจนถึงบาร์อะโกโก้ พร้อมตีแผ่แง่มุมลับๆ ที่ยากจะเข้าถึง

กองบรรณาธิการ

27 Aug 2018

Social Issues

21 Nov 2018

เมื่อโรคซึมเศร้าทำให้อยากจากไป

เรื่องราวการรับมือกับความคิด ‘อยากตาย’ ผ่านประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คนเคียงข้าง และบทความจากจิตแพทย์

ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์

21 Nov 2018

Politics

31 Jul 2018

30 ปี การสิ้นสุดของระบอบเปรมาธิปไตย (1) : ความเป็นมา อภิมหาเรื่องเล่า และนักการเมืองชื่อเปรม

ธนาพล อิ๋วสกุล ย้อนสำรวจระบอบเปรมาธิปไตยและปัจจัยสำคัญเบื้องหลัง รวมทั้งถอดรื้ออภิมหาเรื่องเล่าของนายกฯ เปรม เพื่อรู้จัก “นักการเมืองชื่อเปรม” ให้มากขึ้น

ธนาพล อิ๋วสกุล

31 Jul 2018

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save