fbpx
คนเหล็ก 2019

คนเหล็ก 2019

ธิติ มีแต้ม เรื่อง

 

1

 

แม่ไม่เคยเล่าชัดๆ ว่าโตมากับหนังเรื่องอะไร แต่ร้อยทั้งร้อยถ้าถามตอนนี้ เธอน่าจะยังหลงใหลได้ปลื้มกับ The Grand Budapest Hotel หรืออาจจะนับรวมทุกเรื่องของ Wes Anderson เลยก็ว่าได้

ส่วนพ่อเหรอ, ถ้าไม่นับหนังดราม่าประเภทเจ้าพ่อ – แก๊งสเตอร์ หลายๆ เรื่องที่มาติดอกติดใจเอาตอนโตแล้ว สารภาพตามตรง Terminator 2 : Judgment Day นั้นน่าจะเกินกว่า 20 รอบที่พ่อดูแล้วดูอีก

ค่าที่เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจกับคนเหล็กไล่ล่าฆ่ากันไม่ตายสักที ไอ้ตัวร้ายก็ดันเป็นเหล็กไหล ยิงยังไงก็ดันหลอมตัวเองกลับมามีชีวิตต่อได้ ส่วนไอ้ตัวดี แม้มันจะเชยทื่อมะลื่อ ดูแข็งๆ เก้งก้าง แต่ตอนมันยอมสละชีวิตลงในเตาหลอมเหล็กแล้วชูนิ้วโป้งร่ำลาให้มนุษย์นั้น พ่อเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ค่อยอยู่

ยังไม่นับฉากที่จอห์น คอนเนอร์ ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไอ้ตัวร้ายที่ขับรถเทรลเลอร์ไล่บี้ กับฉากไล่ล่ากันในโรงพยาบาลที่ซาราห์ คอนเนอร์ ถูกจับไปขังด้วยแล้ว ต้องบอกว่า 20 รอบนั้นไม่แปลก

ไว้ลูกโตมาลองพิสูจน์ดูเองก็ได้ แล้วอย่าลืมบอกพ่อด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง

พ่อมาคิดถึงหนังคนเหล็กอีกครั้งเมื่อคนเหล็กภาค 6 (2019) กำลังเข้าฉายอยู่ในโรง มีบางซีนในภาคนี้ที่คนเหล็กเริ่มเรียนรู้ความเป็นมนุษย์

จากที่ถูกสร้างมาให้เป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร ยิ่งอยู่ในโลกนาน คลุกคลีกับผู้คนนานๆ ก็เริ่มมีแววตาที่เปลี่ยนไป แม้มันจะสารภาพด้วยซ้ำว่าทำได้ไม่เท่ากับความรู้สึกของคน แต่อย่างน้อยที่สุด มันก็รู้จักความเป็นครอบครัว และโอบกอดคนรักเป็น

อาจฟังดูพิลึก ในขณะบ้านเมืองของเราในปีเดียวกัน บางผู้บางคนแทนที่จะรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักให้เกียรติประชาชน เริ่มกลายเป็นเรียนรู้ที่จะเป็นเครื่องจักรสังหารแทน

ใช่, เครื่องจักรสังหาร คำนี้ไม่เกินเลย เพราะว่ามีคนถูกไล่ล่าจริง ถูกจับกุมคุมขัง กระทั่งว่าถูกฆ่าตายจริงๆ

 

2

 

หนึ่งในบันทึกข้อเท็จจริงแห่งยุคสมัยของเรามาถึงมือพ่อในค่ำคืนหนึ่ง ก่อนหนังคนเหล็กเข้าฉาย 1 เดือน น้าแอนกับน้าบอยถือมาให้พ่อเองกับมือที่ร้าน Head Over Heels แล้วพวกเราก็สั่ง IPA ขมๆ มาแกล้มข้าวต้มเพื่อปรับสมดุลร่างกายกับสมองกันใหม่

หลังจากคืนนั้นมาอีกร่วมเดือน น้าบอยสะกิดทักมาทางออนไลน์ประมาณว่าภาพถ่ายพวกเราที่เคยนั่งๆ นอนๆ รับลมชมวิวอยู่ริมหาดสามร้อยยอด ปราณบุรีนั้นไม่มีลูก เพราะตอนนั้นลูกยังไม่เกิด ถ้าไปอีกรอบต้องมีลูกไปด้วย และถ้าโอกาสนั้นมาถึง ลูกอาจมีน้าบอยเป็นเพื่อนสอนถ่ายรูปได้

ที่แน่ๆ น้าแอนกับน้าบอยไม่ใช่เครื่องจักรสังหาร พวกเขาเป็นหนึ่งในพยานของยุคสมัย เป็นคนปกติที่มีเนื้อหนังบางๆ หุ้มไว้ ถ้าถูกยิงยังไงก็ตายเหมือนกัน

น้าแอนทำหน้าที่อำนวยการในนาม ‘ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนษยชน‘ เพื่อให้หนังสือ ราษฎรกำแหง: บันทึก 9 คดี ต้านรัฐประหารในยุค คสช. ออกมาจนสำเร็จลุล่วง ส่วนน้าบอยเป็นช่างภาพ ติดตามบันทึกบางส่วนเสี้ยวของเหตุการณ์เถื่อนๆ ไว้ในเล่มเดียวกันนี้ด้วย

 

 

บางวรรคบางตอนในบทนำของ ‘ราษฎรกำแหง’ บอกเราว่า “จากข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนถึง 22 พฤษภาคม 2562 เป็นเวลา 5 ปีที่คณะรัฐประหารควบคุมอำนาจ มีประชาชนอย่างน้อย 106 คน ถูกกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

“มีมูลเหตุของคดีเกิดจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออก ขณะที่ประชาชนอย่างน้อย 121 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 หรือ ‘ยุยงปลุกปั่น’ ในหมวดความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กลายเป็นข้อหาที่ถูกหยิบมาใช้จนดาษดื่นทั่วไปอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“ส่วนประชาชนอย่างน้อย 428 ราย ถูกตั้งข้อหาชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งคณะรัฐประหารบัญญัติขึ้นเอง และอีกอย่างน้อย 245 คน ถูกกล่าวหาในข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 อันเป็นกฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ถูกแต่งตั้งโดย คสช. รวมทั้งประชาชนอย่างน้อย 144 ราย ได้ถูกกล่าวหาในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการแชร์ข้อมูลทางการเมืองในโลกออนไลน์”

อันที่จริงตัวเลขประชาชนรวมๆ กว่าหลายร้อยคนที่ถูกต้องคดีความนั้น ไม่น่าจะมีแค่เพียงแค่ 9 คดีที่ถูกบันทึกไว้ แต่ถ้าถือเอาตามคำอธิบายของบทนำย่อมเข้าใจได้ว่าทั้ง 9 คดีมีเหตุผลน่ารับฟัง

“…แบ่งเป็นคดีที่ประชาชนถูกกล่าวหาโดยคณะรัฐประหารหรือกองทัพ จากการใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยสงบ ด้วยข้อหาทางการเมืองต่างๆ 7 คดี และเป็นคดีที่ประชาชนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการฟ้องกลับคณะรัฐประหารหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวน 2 คดี”

ที่น่าสนใจของทั้ง 9 คดีนี้คือ “ผู้ถูกดำเนินคดีเป็นทั้งผู้แสดงออกต่อต้านการรัฐประหาร หรือการใช้อำนาจของการรัฐประหาร และยังเลือกจะต่อสู้ใน ‘กระบวนการทางกฎหมาย’ ที่เกิดขึ้นตามมา”

แน่นอน, คนที่ไม่ยอมจำนนง่ายๆ ย่อมพบเจอความยุ่งยากตามมา การลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับคนถือปืนด้วยมือเปล่าไม่ใช่เรื่องที่บังคับกันได้

โดยเฉพาะ “เวลา” และ “ค่าใช้จ่าย” ที่ต้องเสียไปในระหว่างขึ้นโรงขึ้นศาล บางคนต้องสูญเสียอิสรภาพระหว่างการพิจารณาคดีเพราะถูกคุมขัง

บทนำระบุว่า “ในภาระยุ่งยากเหล่านี้ ผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองหลายคนเลือกจะยินยอมรับสารภาพเพื่อให้คดีสิ้นสุดลงโดยเร็วและไม่ได้รับโทษที่รุนแรงนัก แต่นักต่อสู้หลายคน นอกจากเผชิญกับคณะรัฐประหารแล้ว ยังเลือกที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดด้วย”

 

3

 

นอกจาก ‘ราษฎรกำแหง’ ที่บันทึกการยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเถื่อนของประชาชนบางส่วนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งอัลบั้มเพลงที่เป็นบันทึกการยืนหยัดเคียงข้างให้กำลังใจประชาชนที่ลุกขึ้นต่อสู้กับอำนาจเถื่อนด้วย

อัลบั้ม ‘สามัญชน’ ของวงสามัญชน เป็นอัลบั้มที่มีบางเพลงได้เคยเผยแพร่ทางออนไลน์ไปแล้วในช่วงที่คนหนุ่มสาวเริ่มทยอยถูกจับเข้าคุกตาราง เพียงเพราะออกมาต่อต้านรัฐประหาร เพลงนั้นคือ ‘บทเพลงของสามัญชน’ ที่แต่งโดย ‘ชูเวช’ กับ ‘แก้วใส’

จำได้, ช่วงเวลานั้นพ่อกับแม่ยังอาศัยอยู่ที่คอนโดริมสวนที่มีหมาเห่าเสียงดังหลังแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน

เมื่อมีกิจกรรมนัดกันไปให้กำลังใจนักศึกษาที่ถูกจับอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เราหัดร้องเพลงนี้กันที่คอนโด มีน้าปอและน้าปัณมาร่วมกันฝึกซ้อมร้องประสานเสียงกันอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อออกไปร่วมขับร้องกับคนอื่นๆ ด้วยตามวาระ

 

 

อยากบังเอิญเจอใครที่ยังฝันอยู่นั่งฟังเพลงอยู่ตรงนี้
แบบว่ามีจริงๆ ได้ก็คงดี บอกทีว่ายังฝันอยู่
บนเส้นทางที่เราร่วมเดินกันไป อาจมองดูไม่สวยงาม
นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและเราจะไม่ยอมแพ้

กี่ลมฝันที่พัดละอองโปรยอ่อนมาในกรงขัง
คงเหน็บหนาวเงียบเหงาลำพัง โปรดฟังเพลงที่เราร้องอยู่
อยากได้ยินเธอร่ำร้องตะโกนบทเพลงของสามัญชน
ปลุกผู้คนปลูกฝันสู่วันของเรา

 

 

น่าสนใจที่หนึ่งในตัวละครที่อยู่ในบันทึก 9 คดี ‘ราษฎรกำแหง’ คือ ‘ไผ่ – จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา’ ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา 112 ติดคุกไป 870 วัน พอได้รับอิสรภาพออกมา ไผ่ได้เข้าร่วมกับวงสามัญชน ทำหน้าที่เป็นมือพิณด้วย

อาจเป็นฤกษ์งามยามดีที่อัลบั้มนี้ออกมาในวันเวลาอันเหมาะสม อย่างน้อยก็เป็นเครื่องเตือนให้เรามองย้อนกลับไปว่ากำลังใจในเส้นทางเถื่อนจำเป็นและมีอยู่จริง และ ‘บทเพลงของสามัญชน’ เป็นหนึ่งในกำลังใจที่น่าจดจำนั้น

พ่อได้อัลบั้มนี้จากทีมงานของวงส่งไปรษณีย์มาให้พร้อมลายเซ็นนักดนตรีครบทั้งสามคน ความเป็นมาของเพลง ‘บทเพลงของสามัญชน’ ถูกเล่าไว้ในสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ที่สอดแทรกอยู่ใต้ปกอัลบั้มว่า

ถูกแต่งขึ้นภายใต้บริบทหลังรัฐประหาร พ.ศ.2557 เมื่อนักกิจกรรมซึ่งเป็นเพื่อนของผู้แต่งจำนวนมากต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ บ้างถูกคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ไปรายงานตัวและกักตัวไว้ในค่ายทหาร ในนามของการ ปรับทัศนคตินอกจากนี้ยังมีการส่งคนไปคุกคามติดตามถึงที่บ้านพ่อแม่ไปต่างจังหวัด กดดันไปยังสถานศึกษา และดำเนินคดีโดยใช้ศาลทหารในการพิจารณาคดีพลเรือน (ซึ่งผู้พิพากษาศาลทหารบางท่านไม่ต้องเรียนจบนิติศาสตร์)

“บทเพลงของสามัญชน เดิมทีถูกแต่งโดยไม่มีชื่อ เป็นเพียงบทเพลงที่เขียนให้เพื่อนๆ ที่ถูกคุมขังและถูกเรียกเข้ากระบวนการ ปรับทัศนคติในค่ายทหาร ต่อมากลุ่ม F.A.N. ได้รวมกลุ่มกันบรรเลงเพลงนี้แล้วอัดคลิปลง YouTube โดยท้าให้เพื่อนๆ ของพวกเขาอีก 3 คนร้องเพลงนี้และอัดคลิปลงต่อๆ กัน จึงทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักในแวดวงนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงหนึ่ง

“ปัจจุบันยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนตั้งชื่อเพลงนี้เป็นคนแรก ทั้งนี้ลักษณะการท้าให้เพื่อนอีกสามคนทำแล้วท้าต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้ ได้มาจากแคมเปญระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรค ALS ที่รู้จักกันในนาม “Ice Bucket Challenge” ซึ่งเป็นแคมเปญที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเวลานั้น”

ไม่เกินเลยไปจริงๆ ที่พ่อรู้สึกและอยากบอกลูกว่าหนังสือเล่มนี้ (ราษฎรกำแหง) และบทเพลงในอัมบั้มนี้คือบันทึกประวัติศาสตร์สำคัญ (ช่วง 5 ปี 2014 -2019) ในยุคสมัยของพ่อที่ลูกยังสนุกสนานตามวัยแบเบาะ และยังอีกนานหลายปีกว่าลูกจะเข้าใจว่าคนเราไม่ใช่เหล็ก ถูกทำร้ายก็บาดเจ็บ ถูกฆ่าก็ตายได้

แต่ไม่ใช่ทุกคนเสมอไปที่จะยอมให้ใครกดข่มจนตัวโค้งตัวงอได้ง่ายๆ

ในบางความหมาย หัวใจของคนบางคนก็แกร่งยิ่งกว่าเหล็กด้วยซ้ำไป

 

____________________________
อ่านคอลัมน์เมื่อเวลามาถึงทั้งหมดต่อที่นี่ 

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

Thai Politics

20 Jan 2023

“ฉันนี่แหละรอยัลลิสต์ตัวจริง” ความหวังดีจาก ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ ถึงสถาบันกษัตริย์ไทย ในยุคสมัยการเมืองไร้เพดาน

101 คุยกับ ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ ถึงภูมิทัศน์การเมืองไทย การเลือกตั้งหลังผ่านปรากฏการณ์ ‘ทะลุเพดาน’ และอนาคตของสถาบันกษัตริย์ไทยในสายตา ‘รอยัลลิสต์ตัวจริง’

ภาวรรณ ธนาเลิศสมบูรณ์

20 Jan 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save