เป็นที่รู้กันตั้งแต่สมัยประถมว่า เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เราควรนอนให้เป็นเวลา และนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพราะระบบนาฬิกาชีวภาพในร่างกายมนุษย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อปรับการทำงานของร่างกายให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ทั้งระบบสมอง อุณหภูมิในร่างกาย การหลั่งฮอร์โมน ฯลฯ ทำงานตามการขึ้นและลงของแสงอาทิตย์ ที่กำหนดวงจรการใช้ชีวิตของมนุษย์ให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น (เรียกแบบเก๋ๆ ด้วยศัพท์ทางชีววิทยาว่า Circadian Cycle)
แต่ก็เป็นที่รู้กันอีกว่า บางคนก็เลือกไม่ได้ เพราะต้องทำงานในเวลากลางคืน (จะด้วยการต้องเข้ากะหรือจะมีงานค้างจนต้องปั่นโต้รุ่งตามแบบฉบับคนยุคใหม่ก็สุดแท้แต่) บางคนต้องเดินทางข้ามทวีป เขตเวลาเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจนร่างกายปรับตัวไม่ทัน กลายเป็นอาการเจ็ตแล็กที่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิต
เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์เองเพิ่งออกมาแนะนำว่า ช่วงเวลาที่โรงเรียนน่าจะเริ่มสอนหนังสือคือช่วงหลัง 8.30 น. หรือจะให้ดีก็ควรเริ่มตอน 9.30 น. (โรงเรียนในไทยสะดุ้งเป็นแถว) เพราะช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ Circadian Cycle ถูกขยับให้ช้าลงประมาณ 2-3 ชั่วโมง หมายความว่าพวกเขาจะนอนหลับเร็วเป็นเด็กอนามัยอย่างแต่ก่อนได้ยากขึ้น เมื่อนอนดึกก็จะตื่นสาย หากต้องตื่นเช้ามาเรียนให้ทัน อาการนอนไม่พอก็ส่งผลเสียกับการเรียนและร่างกายได้
นั่นทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว ตั้งแต่เล็กๆ น้อยๆ อย่างโรคเครียด ปัญหาระบบทางเดินอาหาร ยันโรคใหญ่ๆ ที่เอาถึงตายอย่างโรคหัวใจ
แต่คุณรู้ไหม ว่าอีกไม่นาน ปัญหาของระบบนาฬิกาชีวภาพที่ไม่เป็นไปตามนาฬิกาการใช้ชีวิตของแต่ละคน อาจแก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยยาหยอดตาเพียงหยดเดียว!
ตามปกติแล้ว ระบบนาฬิกาชีวภาพในร่างกายของเราถูกกำหนดด้วยส่วนเล็กๆ ในสมองที่มีชื่อว่า Suprachiasmatic Nucleus หรือ SCN ที่จะจับความเปลี่ยนแปลงของสัญญาณที่ส่งมาจากสารเคมีต่างๆ ภายในร่างกาย หนึ่งในนั้นคือฮอร์โมนที่มีชื่อว่า ‘วาโซเพรสซิน’ (Vasopressin)
แต่เดิมนักวิทยาศาสตร์รู้เพียงว่าหนึ่งในตัวส่งสัญญาณไปที่ SCN คือเรติน่าในดวงตา ที่จะบอกว่าตอนนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ได้เวลาที่นาฬิกาชีวภาพจะทำงานอีกครั้ง แต่ล่าสุดทีมนักวิจัยจาก University of Edinburgh เพิ่งค้นพบว่าที่บริเวณเรติน่าในตาของเรามีกลุ่มเซลล์ประสาทที่สร้างฮอร์โมนวาโซเพรสซินออกมาเมื่อมีแสงมากระทบ และติดต่อกันด้วยสายตรงไปถึงแผนก SCN ในสมอง
การได้รู้ว่าในเรติน่าของเราสามารถสร้างฮอร์โมนที่สื่อสารสัญญาณ มีส่วนในการควบคุมนาฬิกาชีวภาพ อาจทำให้เราผลิตสารเคมีทดแทนวาโซเพรสซิน นำเข้าสู่ร่างกายผ่านเรติน่าในดวงตา เพื่อแก้ปัญหาการทำงานของร่างกายที่ไม่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตของบางคน
ลองจินตนาการภาพของยาหยอดตาที่ปรับสมดุลนาฬิกาชีวภาพ ที่หยอดให้พี่ยามก่อนเข้ากะตอนดึก ตอนตื่นมาอ่านหนังสือสอบตอนดึก หรือแค่หยดเดียวหลังเทคออฟ แล้วช่วยให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติเหมือนคนที่ทำงานตอนกลางวัน
ในอนาคต อาการ ‘เจ็ตแล็ก’ คงไม่ใช่ข้ออ้างให้เรานอนอืดเป็นวันได้อีกต่อไป!
อ่านเพิ่มเติม
บทความเรื่อง Cells in the retina light the way to treating jet lag จาก Eurek Alert, April 17, 2017
บทความเรื่อง You Can Blame Your Eyeballs for Jet Lag ของ Jese Hicks จาก Vice, April 25, 2017