รู้จักโรคไบพาลาร์หรือโรคสองบุคลิกไหมครับ คนที่เป็นไรคไบโพลาร์จะมีอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เหมือนหนึ่งคนกลับมีถึงสองบุคลิกอยู่ภายในตัวเอง
เพื่อนคนจีนเคยพูดทีเล่นทีจริงกับผมว่า เศรษฐกิจจีนวันนี้ก็มีอาการไบโพลาร์ วันหนึ่งรัฐบาลออกมาบอกว่าจะต้อง ‘รวยร่วมกัน’ อยากจะสร้างสังคมนิยมแบบที่ประธานเหมาฝัน วันถัดมากลับยืนยันว่าจะยังคงดำเนินนโยบายเปิดประเทศและส่งเสริมเอกชนให้รวยขึ้นมาก่อน ไม่มีทางถอยหลังกลับไปยุคประธานเหมา ถัดไปอีกวันก็กลับบอกว่าต้องจัดการคนรวยที่เอาเปรียบสังคมและเร่งกระจายประโยชน์ไปสู่คนยากจน แต่ไม่ทันข้ามคืนก็บอกว่าต้องให้คนรวยรีบเดินหน้าขยายก้อนพายให้ใหญ่โตขึ้น เพื่อให้ขนาดเศรษฐกิจจีนใหญ่สู้สหรัฐอเมริกา แล้วตกลงจีนจะไปซ้ายไปขวา จะเดินอย่างทุนนิยมไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับไปสังคมนิยมแบบในอดีตกันแน่ครับ
หลายคนแบ่งขั้วความคิดและขั้วการเมืองในจีนเป็นสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายความมั่นคงกับฝ่ายเทคโนแครต ฝ่ายความมั่นคงคิดทุกเรื่องเป็นเรื่องของการรักษาประเทศให้รอดจากการแข่งขันอันดุเดือดกับตะวันตก มองทุกอย่างจากมุมของยุทธศาสตร์ความมั่นคง ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนฝ่ายเทคโนแครตนั้นวางนโยบายต่างๆ ตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์แบบปกติ โดยให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันส่งเสียงและผลักดันนโยบายเศรษฐกิจไปคนละทิศละทาง จนดูเหมือนจีนกลายมามีสองบุคลิกผสมกัน
อย่างสงครามยูเครน ลองดูจุดยืนของจีนสิครับ จีนไม่ประณามรัสเซีย ซึ่งสะท้อนแนวความคิดของฝ่ายความมั่นคงที่มองว่ารัสเซียคือพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของจีนและจะเสียเพื่อนคนนี้ไปไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันจีนเองก็พยายามรักษาระยะห่างจากรัสเซีย ไม่กล้าทุ่มช่วยสุดตัว พร้อมกับแสดงออกว่าสนับสนุนและเห็นใจยูเครนด้วย ซึ่งสะท้อนแนวคิดของฝ่ายเทคโนแครตที่ตระหนักดีว่าจีนจะเสี่ยงถูกตะวันตกคว่ำบาตรไม่ได้ เพราะจีนยังพึ่งพาตะวันตกสูงมากและจะมีผลเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล
ฝ่ายความมั่นคงบอกว่านี่ไงเห็นไหมว่า จีนพึ่งพาตะวันตกมากเกินไป ต้องค่อยๆ ลดความเชื่อมโยงกับตะวันตกลง หันกลับมาพึ่งพาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ภายในประเทศมากยิ่งขึ้น ในด้านเทคโนโลยีก็ต้องพยายามยืนบนลำแข้งของตนให้ได้ ต้องพัฒนารากฐานเทคโนโลยีของตนเอง ในด้านระบบการเงินก็ต้องลดการใช้ดอลล่าร์สหรัฐ ตัวอย่างเช่น เปิดดีลซื้อน้ำมันจากซาอุดิอารเบียด้วยเงินหยวน ความคิดที่แพร่หลายในขั้วความมั่นคงก็คือ ถ้าวันนี้ตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย แล้ววันข้างหน้าหากตะวันตกคว่ำบาตรจีน จะต้องเตรียมรับมืออย่างไรเพื่อให้จีนเสียหายน้อยที่สุด
นอกจากนั้น เพื่อความมั่นคงด้านความปลอดภัยของข้อมูลและความมั่นคงทางการเมือง ฝ่ายความมั่นคงต้องการให้รัฐบาลกำกับดูแลแพลตฟอร์มเทคโนโลยีจีนอย่างเข้มงวด รวมทั้งก็ต้องกำกับดูแลบริษัทฟินเทคอย่างแอนด์ไฟแนนเชียลอย่างเข้มงวดเช่นกันเพื่อเสถียรภาพทางการเงิน เหล่านี้จึงเป็นที่มาของการเข้ามากำกับดูแลภาคเทคโนโลยีจีนอย่างเต็มที่เมื่อปีที่แล้ว
ขั้วความมั่นคงมองว่า การกำกับดูแลเอกชนและภาคเทคโนโลยีเมื่อปีที่แล้ว เป็นการ ‘กวาดบ้าน’ ก่อนปีประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ และเป็นการ ‘ซ่อมหลังคาตอนที่แดดยังออก’ (เพราะปีที่แล้วจีนฟื้นจากโควิด ทำให้ไม่มีความกดดันเรื่องตัวเลขการเติบโต) แต่ผลปรากฏชัดว่า จีนกวาดบ้านแรงไปและทุบซ่อมหลังคาจนหลังคาแตก นักลงทุนต่างชาติตื่นตกใจกับความแรงของการกำกับดูแลภาคเอกชนและภาคเทคโนโลยีชนิดวิ่งหนีออกจากตลาดหุ้นจีนแทบไม่ทัน การเข้ามาจัดระเบียบภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลยิ่งทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างมากในช่วงปลายปีที่แล้ว และการเติบโตยังชะลอตัวต่อเนื่องมายังต้นปีนี้อีกด้วย
ตอนนี้ขั้วเทคโนแครตจึงเสียงดังขึ้น และเริ่มถูกเรียกใช้ให้มากอบกู้เศรษฐกิจในปีประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ที่จีนยังต้องการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่ให้ย่ำแย่ไปมากกว่านี้ ขั้วเทคโนแครตเตือนว่าจีนยังต้องกัดฟันอดทนรอเวลาทะยาน ตอนนี้จีนยังจำเป็นต้องพึ่งการนำเข้าทุนและเทคโนโลยีจากตะวันตก จีนยังไม่พร้อมที่ถูกโดดเดี่ยวจากเครือข่ายทุนและระบบการเงินของฝั่งตะวันตก ในเรื่องยูเครน จีนต้องไต่ลวดอย่างระมัดระวัง เพราะจีนจะเสี่ยงถูกคว่ำบาตรและจะถูกเตะออกจากระบบการชำระเงินโดยดอลล่าร์สหรัฐฯ ไม่ได้ เพราะตอนนี้จีนยังไม่มีทางเลือกอื่น
ในช่วงเดือนมีนาคมที่หุ้นจีนตกระเนระนาด รองนายกฯ หลิวเฮ่อที่ดูแลเศรษฐกิจจดเอาทุกความกังวลของนักลงทุนต่างชาติเขียนใส่ในแถลงการณ์และประกาศว่ารัฐบาลจีนเข้าใจและจะให้ความสำคัญกับการเร่งแก้ไขและคลี่คลายข้อกังวลเหล่านี้ ในการตอบคำถามผู้สื่อข่าวของนายกฯ หลี่เค่อเฉียงในการประชุมสภาประชาชนเมื่อต้นเดือนมีนาคม เขาปิดท้ายคำตอบสุดท้ายว่าการเปิดและปฏิรูปประเทศของจีนเป็นเทรนด์ประวัติศาสตร์ที่จะไม่มีทางถอยหลังกลับไปอดีตเด็ดขาด
ในขณะที่ขั้วความมั่นคงอาจอยากเห็นการดีลิสต์บริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และกลับมาลิสต์ในตลาดเซี่ยงไฮ้หรือฮ่องกง แต่ขั้วเทคโนแครตมองว่านี่จะเป็นปัญหาใหญ่ในการดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติ ฝ่ายเทคโนแครตจะอ้างเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์มาโน้มน้าวฝ่ายความมั่นคงว่า การเชื่อมโยงและดึงดูดทุนจากต่างชาติจะทำให้จีนมีอิทธิพลมากขึ้นในเวทีเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ (แต่อิทธิพลและความเชื่อมโยงที่มากขึ้น หากมองจากมุมของฝ่ายความมั่นคง ก็จะมาพร้อมความเปราะบางที่มากขึ้นที่จะถูกตะวันตกเล่นงานหรือกดดัน)
ในเรื่องนโยบาย Zero Covid ก็เช่นเดียวกัน ขั้วความมั่นคงมองว่ายังเสี่ยงเกินไปต่อเสถียรภาพทางการเมืองที่จะผ่อนคลายมาตรการ ส่วนขั้วเทคโนแครตเริ่มกังวลว่า ผลกระทบกับเศรษฐกิจนั้นรุนแรงมาก และจะหาทางลงจาก Zero Covid ได้อย่างไร
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า จีนก็สองบุคลิกแบบนี้มานานแล้ว คนจีนเรียกว่าหยินหยาง ในดำมีขาว ในขาวมีดำ สองขั้วอยู่ร่วมกัน จีนปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นระบบตลาด แต่การเมืองยังคงเป็นเผด็จการพรรคเดียว จีนส่งเสริมเอกชน แต่เศรษฐกิจภาครัฐเป็นสัดส่วนสำคัญของเศรษฐกิจจีน จีนมีอินเทอร์เน็ต แต่ก็กำกับอย่างเข้มงวด จีนต้องการเทคโนโลยีบล็อคเชนและจะสร้างหยวนดิจิทัล แต่ห้ามการใช้บิตคอยน์อย่างเด็ดขาด
สีจิ้นผิงเองดูจะอยู่ในขั้วความมั่นคง แต่เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างน่าตกใจในช่วงปลายปีที่แล้วและต้นปีที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าสีจิ้นผิงจะเริ่มถอยและประนีประนอมมากขึ้นกับกลุ่มเทคโนแครต ในรายงานของนายกฯ จีนต่อสภาประชาชนในเดือนมีนาคม แทบไม่มีการกล่าวถึงนโยบายรวยร่วมกันของสีจิ้นผิง และน่าติดตามต่อว่าในการเลือกตั้งกลุ่มผู้นำสูงสุดของจีน 7 คน ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนั้น แม้ว่าสีจิ้นผิงจะได้ไปต่อค่อนข้างแน่นอนในฐานะผู้นำเบอร์ 1 แต่จะมีขั้วเทคโนแครตขึ้นมารักษาสมดุลในทีมงานมากน้อยเพียงใด