อะไรจะเป็นตัวแทนของฤดูร้อนไปได้ดีกว่าแสงแดด หาดทราย และชายทะเล ที่ชักชวนให้เราถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำแล้วกระโจนลงไปรับความสดชื่นใต้ผืนน้ำสีมรกต (อาห์… แค่คิดก็ฟินแล้ว)
แต่ก่อนจะกระโดดลงทะเล ภายใต้ชุดว่ายน้ำของสาวๆ ทั้งวันพีซรุ่นแม่ จนถึงทูพีซแบบสาววิคตอเรียซีเคร็ต – ประวัติศาสตร์ อุดมการณ์ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากมายถูกบรรจุไว้ในผืนผ้าก่อนจะกลายมาเป็น ‘ชุดว่ายน้ำ’ อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้
อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการแต่งกายในฤดูแห่งการเผยผิวท้าแดด (โดยเฉพาะกับผู้หญิง) จะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่เราอยากชวนหาคำตอบ
โบกครีมกันแดดให้พร้อม แล้วไปดูกัน
ไร้รอยต่อทอเต็มผืน
การเดินชายหาด นอนอาบแดด เล่นน้ำทะเล ถูกมองเป็นกิจกรรมสันทนาการพักผ่อนหย่อนใจสำหรับมนุษย์ตั้งแต่สมัยช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 จากการมาถึงของการคมนาคมด้วยรถไฟที่ทำให้บรรดาผู้รากมากดีในยุคสมัยวิคตอเรียนได้ออกไปเที่ยวเล่นพักผ่อน
แต่ในยุคที่ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวเป็นสิ่งแสนมีค่า (ถึงขั้นห้ามพูดคุยกับผู้ชายโดยตรงถ้าไม่มีแม่สื่อที่แต่งงานแล้วมาชวนให้คุยกัน) การออกไปเล่นน้ำของผู้หญิงในยุคนี้จึงถูกจำกัดอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ‘Bathing Machine’ หรือรถม้าที่จะลากพวกเธอลงทะเลให้ได้เปลี่ยนชุด เล่นน้ำแบบไม่ต้องโดนผู้ชายจับจ้องชุดว่ายน้ำที่เป็นเหมือนชุดกาวน์ปิดเต็มตัว ติดกระดุมถึงคอ ถ่วงน้ำหนักไว้ที่ริมระบายผ้ากันลอย และสวมถุงน่องกันโป๊

หลังจบสิ้นยุควิคตอเรียนและค่านิยมแบบเก่า ชุดว่ายน้ำในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ก็เริ่มผ่อนคลายความแน่นให้ลดลง ในช่วงแรกเป็นเดรสสบายๆ ยาวคลุมเข่า ที่ไม่ได้สะดวกกับการว่ายน้ำเอาเสียเลย กระทั่งเมื่อ แอนเนตต์ เคลเลอร์แมน นักว่ายน้ำหญิงคนแรกที่ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษถูกจับที่บอสตันในข้อหาใส่ชุดว่ายน้ำวันพีซแนบเนื้อ หมุดหมายสำคัญของการเปลี่ยนแปลงมุมมองชุดว่ายน้ำจึงเริ่มขึ้น
ทะมัดทะแมง แนบเนื้อ เน้นสัดส่วนและฟังก์ชั่นในการว่ายน้ำให้สะดวก เริ่มกลายเป็นแนวคิดในการออกแบบชุดว่ายน้ำ พร้อมๆ กับการต่อสู้เพื่อสิทธิและความเท่าเทียมในการศึกษาและการทำงานของผู้หญิง จากชุดแบบสวม เริ่มมีการประดิษฐ์เป็นเสื้อแบบใช้สายผูก กลายเป็นบิกินี่ในทศวรรษ ’50s ด้วยการมาถึงของ มาริลีน มอนโร และวัฒนธรรมป๊อปที่ทำให้การเผยผิวไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป
สภาพสังคมที่เปลี่ยนไปพร้อมๆ กับการมาถึงของกระแสเฟมินิสต์ลูกที่สองที่มีมาตั้งแต่ยุค ‘60s ทำให้ผู้หญิงภูมิใจกับร่างกายของตัวเองมากขึ้น ชุดว่ายน้ำออกแบบด้วยความท้าทายมากขึ้นตามแนวคิด ‘ยิ่งโชว์ ยิ่งเริ่ด’ จนเราอาจคิดว่าชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่อย่างที่เห็นทุกวันนี้คือปลายทางของแฟชั่นชุดว่ายน้ำสำหรับผู้หญิงที่จะท้าทายขนบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
คำตอบคือ ผิดถนัด!
มันแน่นอกต้องยกออก
การมาถึงของกระแสเฟมินิสต์ลูกที่สองที่เชื่อว่าผู้หญิงมีเสรีภาพที่จะสวมใส่อะไรก็ได้ตามที่ใจอยากในช่วงยุคซิกซ์ตี้ นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของชุดว่ายน้ำเปรี้ยวๆ ในปัจจุบัน มันยังเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของชุดว่ายน้ำสุดแสนจะคอนโทรเวอร์เชียลที่มีชื่อว่า Monokini

โมโนกินีถูกออกแบบโดย รูดิ เกิร์นริค ดีไซน์เนอร์ชาวออสเตรียอเมริกันด้วยความตั้งใจให้เป็นสัญลักษณ์ประกาศอุดมการณ์ของตัวเอง ด้วยดีไซน์แบบชิ้นเดียวที่ปิดส่วนล่าง และเปิดให้เห็นหน้าอกเหมือนกับชุดว่ายน้ำผู้ชาย นี่จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการปฏิวัติความเท่าเทียมทางเพศไปในเวลาเดียวกัน (และถึงจะบอกว่าออกแบบมาเล่นๆ แต่ก็ฮิตมากจนขายได้กว่า 3,000 ชิ้นเลยทีเดียวเชียว)
อันที่จริงแล้ว การเปิดเผยร่างกายส่วนบนในที่สาธารณะเพิ่งจะกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับเมื่อประมาณ 80 กว่าปีที่แล้วเท่านั้น (ในสหรัฐอเมริกา) ผู้ชายเองก็ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาเช่นเดียวกัน – ในปี 1935 กลุ่มผู้ชายถอดเสื้อก็มารวมตัวกันเรียกร้องให้การไม่สวมเสื้อในที่สาธารณะไม่ผิดกฎหมาย จนทำให้โดนจับไป 42 คน แต่ถึงตอนนี้ ลองให้จินตนาการว่าผู้ชายต้องมาถอดเสื้อประท้วงด้วยเรื่องนี้ เราคงนึกภาพได้ยากน่าดู
ในขณะที่ชุดว่ายน้ำ Monokini ที่ดังระเบิดระเบ้อเมื่อห้าสิบปีก่อน กลายเป็นเพียงตำนานที่สวมใส่ (ในที่สาธารณะ) ไม่ได้ในปัจจุบัน
เท่ากันแบบเทียมๆ
สิ่งที่ทำให้หน้าอกและหัวนมของผู้หญิงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมปัจจุบันเป็นผลพวงมาจากการทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ต้อง ‘ปกปิด’ มาเป็นเวลานาน ผู้ชายถูก ‘ทำให้รู้สึก’ ว่าหน้าอกผู้หญิงเป็นหนึ่งในสิ่งเร้าทางเพศที่ลึกลับ น่าค้นหา และต้องถูกปกปิดจนกว่าจะเริ่มต้นกิจกรรมทางเพศ
แม้ว่าในหลายประเทศ การเปลือยอกในที่สาธารณะของผู้หญิงจะสามารถทำได้แล้วก็ตามที แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ในโลกที่จารีตสังคมยังสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างหญิงและชายในการแต่งกายและแสดงออกในพื้นที่สาธารณะอยู่ ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่สาธารณะในโลกออนไลน์
เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม สองโซเชียลมีเดียที่เราคุ้นเคยกันดีมีกฎห้ามลงรูปที่เผยให้เห็นรูปโป๊เปลือย ซึ่งรวมไปถึงภาพของหน้าอกและหัวนมของผู้หญิง แม้ว่าจะไม่ได้มีเจตนาเพื่อยั่วยุอารมณ์ทางเพศ ด้วยสาเหตุที่ว่าแพลตฟอร์มนี้มีผู้ใช้หลากหลายอายุและความเชื่อ จึงต้องออกกฎไว้เพื่อทำให้พื้นที่นี้เป็นที่สำหรับทุกคน
ความสองมาตรฐานของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมถูกท้าทายจากหลายต่อหลายแคมเปญ หนึ่งในนั้นคืออินสตาแกรมที่ใช้ชื่อว่า @genderless_nipples ที่ลงรูปโคลสอัพหัวนมของทั้งหญิงและชาย เพื่อทดสอบความเท่าเทียมระหว่างเพศในโลกออนไลน์แห่งนี้ ผลปรากฎว่ามีหนึ่งรูปที่อินสตาแกรมแจ้งว่าผิดกฎ ทั้งที่รูปนั้นเป็นหัวนมของผู้ชาย!

จากโลกออนไลน์ที่เราเชื่อว่าทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงออก สู่โลกออฟไลน์ที่ถูกกฎหมายและวิถีสังคมครอบเอาไว้อย่างแน่นหนา ชะตากรรมแห่งเสรีภาพของผู้หญิง หน้าอก และหัวนม ยังถูกจำกัดไว้ไม่ต่างอะไรกับเมื่อครั้งอดีต
กักขังไว้ภายใต้ชุดว่ายน้ำที่ปิดมิดชิดบนรถม้า และตายไปพร้อมกับโมโนกินี่สุดชิคในยุคซิกซ์ตีส์
อ่านเพิ่มเติม
รวมภาพและที่มาของชุดว่ายน้ำ History of Bathing Suits จาก Victoriana
บทความเรื่อง Facebook Wages War on the Nipple ของ