fbpx

โค้งสุดท้ายศึกชิงพื้นที่กรุงเทพฯ สนามใหญ่สะท้อนเสียงคนเมือง

สนามเลือกตั้งกรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการขับเคี่ยวของแต่ละพรรคการเมืองอย่างดุเดือดที่สุด เพื่อชิงเก้าอี้ ส.ส. 33 เขต ในช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งบรรยากาศในสนามนี้จึงเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างน่าติดตาม

101 ชวนตัวแทนพรรคการเมืองร่วมพูดคุยถึงยุทธศาสตร์การเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ โจทย์นโยบายแบบไหนที่จะโดนใจคนกรุงเทพฯ ปัจจัยอะไรที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจ เขตไหนเป็นสมรภูมิที่พลาดไม่ได้ ร่วมสนทนาโดย จิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 16 พรรคเพื่อไทย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ในรายการ 101 Public Forum: โค้งสุดท้ายศึกชิงพื้นที่ กทม.

เหตุผลที่คนกรุงเทพฯ ต้องเลือกพรรคของคุณ

เจิมมาศ พรรคประชาธิปัตย์ มองว่าคนกรุงเทพกับต่างจังหวัดก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก สามารถแยกประชากรหลักๆ เป็น 2 ประเภทคือ แบบที่พึ่งพาตัวเองได้และพึ่งพาตัวเองไม่ได้ ในส่วนแบบที่พึ่งพาตัวเองได้นั้นเขาคาดหวังว่าต้องการการแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้าง เชิงนโยบาย ภาพใหญ่ แต่ในส่วนของคนที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้เขาต้องการความช่วยเหลือในแบบเฉพาะตัว เช่น นโยบายพรรคเพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นจากตัวผู้แทนหรือจากการที่ผู้แทนเข้าหาหน่วยงานต่างๆ เพื่อที่จะมาช่วยเขา ซึ่งปัญหาของชาวบ้านไม่มีวันหมดไป เขาก็จะมีปัญหามาเรื่อยๆ เราก็ต้องช่วยแก้ไขปัญหาให้เขาไปเรื่อยๆ

“เพราะฉะนั้นถ้าเรายังเกาะติดเขา เขาจะมีความอุ่นใจว่ามีตัวแทนที่จะช่วยเหลือเขาได้เมื่อเวลาที่เขาเดือดร้อน เพราะฉะนั้นก็คือต้องมีตัวแทนช่วยเขา” เจิมมาศกล่าว

ด้าน พิจารณ์ พรรคก้าวไกล กล่าวว่าจากการลงไปหาเสียงสามารถสรุปออกมาได้เป็น 3 ประเด็น คือ ประการแรก – คนชอบความชัดเจนของพรรคก้าวไกล เมื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพูดชัดตั้งแต่แรกว่าเราจะไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลง เราจะไม่ร่วมมือกับประยุทธ์หรือประวิตร และหากในคณะรัฐมนตรีมีทั้ง 2 ท่านนี้เราก็ยินดีจะเป็นฝ่ายค้าน นี่คือความชัดเจนที่พี่น้องประชาชนชอบ

ประการที่สอง – ประชาชนชอบความจริงใจในการออกแบบนโยบายของพรรคก้าวไกล เวลาเดินไปพบพี่น้องในชุมชนเมือง เขาก็จะสนใจในนโยบายที่จะเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่เราปักธงว่าต่อไปนี้ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลและคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ค่าแรงจะปรับขึ้นทันที 450 บาทแล้วจะปรับขึ้นทุกปีแบบอัตโนมัติ โดยดูจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นการยุติการเอาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำมาเป็นเครื่องมือในการหาเสียง ตรงนี้ประชาชนก็ชอบกันเยอะ รวมถึงตอนที่เราเปิดเรื่องสวัสดิการแล้วก็บอกถึงที่มาของงบประมาณว่าจะเอาเงินมาจากไหนโดยไม่ได้เป็นภาระให้ประเทศมีหนี้เพิ่มขึ้น

ประการสุดท้าย – ประชาชนอยากเปลี่ยน เพราะต้องยอมรับว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองหลักพรรคการเมืองเดียวในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ที่ยังไม่เคยมีอำนาจในการบริหาร ไม่เคยมีอำนาจในการจัดสรรงบประมาณ พูดง่ายๆ ก็คืออยากที่จะเปลี่ยนแปลงให้คนที่ยังไม่เคยทำมาทำดูบ้าง เพราะ 4 ปีที่ผ่านมาก็เห็นความโดดเด่นในสภาผู้แทนราษฎร เห็นการทำงานมาแล้ว อยากจะให้โอกาสก้าวไกลได้มีอำนาจในการเข้ามาบริหาร

จิรายุ พรรคเพื่อไทยมองว่า การเลือกเพื่อไทยน่าจะทำงานเชื่อมกับท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ 6-7 เดือนที่ผ่านมาในเขตมีสมาชิกสภากรุงเทพฯ ของพรรคเพื่อไทยซึ่งทำงานประสานกันอย่างเป็นระบบ ส.ส. ไม่มีงบประมาณเราก็ทำงานกับ ส.ก. ได้ ส.ก. ก็ไปแก้ปัญหาได้

กรุงเทพฯ 50 เขตมีปัญหาการจัดงบประมาณหลังการปฏิวัติ คสช. เพราะงบ 50 เขตในกรุงเทพฯ ใช้วิธีการหารเท่ากันทั้งหมด หมายความว่า 1 เขตมีงบ 100 ล้าน แต่ว่าเขตกรุงเทพฯ ชั้นในที่มีประชากร 3-4 หมื่นคน ได้ 100 ล้าน เขตชั้นนอกอย่างมีนบุรี คลองสามวา มี 2 แสนกว่าคนก็ได้ 100 ล้าน เพราะฉะนั้นวิธีคิดของพรรคเพื่อไทย คือทำอย่างไรให้ระดับท้องถิ่นแก้ไขและเชื่อมโยงกับระดับชาติได้

ประเด็นต่อมาคือผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจสำคัญของคนกรุงเทพมหานคร อย่าลืมว่า 80% ของคนกรุงเทพมหานครต้องพึ่งพาเศรษฐกิจ ตั้งแต่โรงแรม ร้านค้า หลายคนเป็นเจ้าของร้านแต่สิ้นเนื้อประดาตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นคนกรุงเทพฯ จะอ่อนไหวกับการทำธุรกิจหรือเศรษฐกิจ

“ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งคราวนี้ไม่ได้เลือกเพื่อสะใจ พรรคเพื่อไทยเน้นนโยบายที่เราทำมาแล้วและทำได้จริง ในครั้งนี้อยากให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ เลือกเพื่อไทยให้แลนสไลด์ถล่มทลายเพื่อจัดทำนโยบายระดับชาติมาถึงระดับท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร” จิรายุกล่าว

จับมือกับใคร? – คำถามตัดสินของคนกรุงเทพฯ

ส่วนเรื่องการร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้ง จิรายุ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยโดนถามคำถามนี้มาก เพราะเพิ่งมาชัดเจนเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าสมการการเลือกตั้งในรอบ 100 ปีที่ผ่านมาของโลกใบนี้ ไม่มีพรรคการเมืองไหนที่พอลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วพูดเลยว่าจะจับมือกับใครและไม่จับมือกับใคร เพราะโดยหลักนั้นต้องบอกนโยบายก่อนว่าจะทำอะไรในช่วง 1 เดือนก่อนการเลือกตั้ง จากนั้นก็ค่อยมาดูว่าเมื่อนโยบายของเรามีผลสำเร็จแล้ว ประชาชนให้ความเชื่อมั่นหรือชื่นชอบแล้ว เราจะเป็นในทิศทางแบบไหนอย่างไร

“ผมก็โดนถามเยอะ แต่หลังๆ นี้ไม่ถามแล้ว เพราะผมพูดชัดเจนว่าไม่เอาลุงตู่ เพราะลุงตู่ปฏิวัติมา ส่วนในนามพรรคเพื่อไทย ผู้บริหารของพรรคพูดไปชัดเจนแล้ว ผมคิดว่าไม่มีข้อสงสัยหรือข้อนอนไม่หลับของใครใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว วันนี้โค้งสุดท้ายเราจะพูดถึงนโยบายว่าถ้าเลือกเบอร์ 29 แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน เลือก ส.ส. เพื่อไทยทั้งแผ่นดิน ประเทศเดินหน้าได้ เพราะฉะนั้นเรื่องการจับมือกับใครไม่ใช่สาระสำคัญของประเทศ สำคัญคือพรรคเพื่อไทยจะทำนโยบายอะไรมากกว่า” จิรายุกล่าว

เจิมมาศ พรรคประชาธิปัตย์ มองว่าประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคใหญ่แล้วในตอนนี้ แต่เป็นพรรคขนาดกลาง จึงไม่ค่อยถูกถามว่าจะอยู่ขั้วไหนจะจับมือกับใคร แต่ประชาชนจะถามเรื่องนโยบายที่ประชาธิปัตย์ทำ ซึ่งก็จะอธิบายว่านโยบายคือ ประชาชนปลอดโปร่ง ประเทศชาติปลอดภัย ประชาธิปไตยสุจริต

ประชาชนปลอดโปร่ง คือออกแบบนโยบายที่ไม่เป็นภาระต่อระบบการเงินการคลัง ไม่เป็นภาระต่อประชาชนในภายภาคหน้า เราก็จะปลอดโปร่งด้านภาระการเงินการคลัง เราจะไม่ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งในสังคมซึ่งมันก็คือความสุขของคน

ประเทศชาติปลอดภัย คือเมื่อเราออกกฎหมายไปแล้วไม่ชอบมาพากลมีปัญหาเรื่องบ่อนทำลายหรือเรื่องสถาบัน เราก็จะไม่ทำแบบนั้น

ประชาธิปไตยสุจริต คือจะทำการเมืองและประชาธิปไตยแบบสุจริต นโยบายที่เราสร้างมาก็จะไม่เป็นภาระและเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

พิจารณ์ พรรคก้าวไกล กล่าวว่าเวลา 4 ปีภายใต้รัฐบาลจากการรัฐประหารและอีก 4 ปีที่สืบทอดอำนาจมา สิ่งหนึ่งที่เป็นผลงานของคุณประยุทธ์คือการสร้างความสามัคคี ในกรุงเทพมหานครคือทุกคนสามัคคีกันไม่เอาลุงตู่ เขาถามเลยว่าเลือกไปแล้วจะได้ลุงหรือเปล่า?

“ดังนั้น คนกรุงเทพมหานครจะเลือกขั้วฝ่ายค้านในรอบที่แล้ว แต่จะมีคำถามว่าถ้าเลือกไปแล้วแบ่งคะแนนระหว่างสีแดง-สีส้ม คะแนนจะตกน้ำและสุดท้ายแล้วฝั่งลุงเขาจะชนะหรือเปล่า ผมก็ต้องอธิบายให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่าเดินทางมาถึงวันนี้แล้วด้วยกระแสที่เกิดขึ้น ในกรุงเทพมหานครผมเชื่อว่า ‘ไม่ส้มก็แดง ไม่แดงก็ส้ม’ มันไม่มีคะแนนตกน้ำอยู่แล้ว”

พิจารณ์เห็นว่า ถ้าจะเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์จริงๆ คงไม่ใช่เรื่องที่จะเลือกพรรคที่มีโอกาสชนะแต่ต้องเลือกพรรคที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสังคมและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โครงสร้างทางการเมืองได้จริงๆ ต้องเลือกพรรคที่กล้าจะเข้าไปทำเรื่องยากๆ ไม่ว่าจะเป็นการทลายทุนผูกขาด การกระจายอำนาจ เรื่องของการปฏิรูปกองทัพ เพราะฉะนั้นคงจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าฝ่ายประชาธิปไตยชนะ แต่เราไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้หรือไม่สามารถเอาทหารออกจากการเมืองและหยุดยั้งวงจรรัฐประหารได้

“เราจะสื่อสารกับพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพมหานครให้เข้าใจว่าเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกระหว่างอนาคตกับอดีต คือการเลือกระหว่างความหวังกับความกลัว แต่ขอให้เลือกด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์แน่วแน่ว่าชอบการเมืองแบบไหน ชอบพรรคการเมืองแบบไหนก็เลือกไปเลย เพราะอย่างไรโอกาสที่ลุงตู่จะกลับมานั้นไม่มีแล้ว” พิจารณ์กล่าว

Air War VS Ground War

กลยุทธ์หาเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ

จิรายุ พรรคเพื่อไทย มองว่าคนกรุงเทพฯ แต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผู้สูงวัยที่ไม่ได้ดู YouTube ไม่ได้เล่น Instagram หรือ TikTok ฉะนั้นการเดินเท้ายังจำเป็น ในขณะเดียวกันก็ต้องคิดว่าจะพูดอะไรให้เขาฟัง อย่างตัวเขาไปพบปะผู้นำชุมชนหนึ่งวัน 4-5 หมู่บ้าน เชิญคนมานั่ง 40-50 คน แล้วก็เล่าเหมือนทอล์กโชว์ว่า 5-6 ปีที่ผ่านมามีอะไรไปบ้างและหลังจากนี้อีก 4 ปีจะมีอะไรเพิ่มขึ้น

“ส่วน air war ผมทำปกติเพราะคุณไม่สามารถขึ้นไปบนคอนโดมิเนียมได้ ก็มี 2 แนวทาง คือทางสื่อโซเชียลฯ อีกทางหนึ่งก็นำเสนอผ่านรายการดีเบต เพราะฉะนั้นสงครามสมัยใหม่ไม่ใช่การรบแบบสมัยก่อนที่เดินเท้า แต่เราก็รบผ่าน air war ซึ่งก็มีหลากหลายประเภทก็เลยเชื่อมั่นว่าตอนนี้ต้องไปทั้งสองทาง” จิรายุกล่าว

ส่วน เจิมมาศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในพื้นที่ของตนเป็นเขตชั้นใน จะเป็นตึกแถว บ้านมีรั้วน้อยแต่เลือกตั้งครั้งนี้ได้เขตบางรักเข้ามาเสริมอีกหนึ่งเขต ซึ่งบางรักมีคอนโดมีเนียม มีตึกสูง และอาคารสำนักงานอยู่พอสมควร แต่ไม่ถือว่าเป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่ เพราะฉะนั้นจึงใช้วิธีการเดินเท้า ground war เป็นหลัก แต่ครั้งนี้ air war ก็สำคัญ ซึ่งก็มีการทำ air war ทุกมีเดีย

“การใช้โซเชียลมีเดียอยากให้ระวังเรื่องหนึ่งคือ ‘กระแส’ ยกตัวอย่างเลือกตั้งผู้ว่าที่ผ่านมาจะมีกระแสตัวบุคคล ซึ่งเขาใช้โซเชียลมีเดียเยอะ แล้วทำให้กระแสนำตัวบุคคลมากกว่าทำให้เขาสามารถดึง ส.ก. เข้ามาได้มากกว่าที่จะมองคนที่ทำงานในพื้นที่ เราต้องพิจารณาด้วยว่าการเป็นกระแสมากๆ จะมีผลกับคนที่ทำงานในพื้นที่ด้วยไหม เวลาเราได้เสียงเพราะกระแสเยอะๆ แต่คุณสมบัติและคุณภาพของผู้แทนในสภาจะสะท้อนกับคนที่อยู่กับปัญหาของประชาชนจริงๆ หรือเปล่า” เจิมมาศกล่าว

พิจารณ์ พรรคก้าวไกล สะท้อนว่าสนามกรุงเทพฯ มีความหลากหลายในเชิงพื้นที่จึงต้องหาเสียงทั้งแบบเมืองและแบบชนบทผสมผสานกัน หมายความว่าการเข้าถึงคนเมืองนั้นค่อนข้างยาก เพราะเขาไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในที่พักอาศัย วันเสาร์-อาทิตย์ก็ออกนอกบ้าน เพราะฉะนั้นถ้าจะไปเจอพี่น้องประชาชนเหล่านี้ต้องคิดถึงเส้นทางชีวิตว่าเขาจะเดินทางไปไหนบ้าง

“นั่นจึงเป็นที่มาทำให้ผู้สมัครพรรคก้าวไกลไปยืนตามสี่แยกแล้วปราศรัยเพื่อส่งคนไปทำงาน เพราะถ้าไม่เจอตอนนั้นก็ไม่รู้จะไปเจอตอนไหน หรือไปยืนปราศรัยตามสถานีรถไฟฟ้า เพราะว่าเป็นที่ๆ เขาจะไปขึ้นรถโดยสารสาธารณะ หรือบางทีพอไปหาเสียงตามหมู่บ้าน ซอยมันเยอะเหลือเกิน เดินจะช้าก็ใช้วิธีปั่นจักรยานเอา มันต้องครีเอทีฟในการหาเสียงในเวลาที่จำกัดและเข้าถึงคนได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นก้าวไกลต้องเน้นทั้งเรื่อง air war และ ground war เพื่อที่จะเข้าถึงพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มในกรุงเทพมหานคร” พิจารณ์กล่าว

กระแส VS กระสุน

ในพื้นที่กรุงเทพฯ

เจิมมาศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตอนนี้การเมืองเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ฝ่ายการเมืองมีการใช้เงินมากขึ้นแม้แต่ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้ประชาชนไขว้เขว เวลามีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่ชาวบ้านจะมองว่าใครเป็นคนทำงาน การตัดสินใจก็จะเพี้ยนไป เขามีตัวเลือกมากขึ้น มีปัจจัยมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ปัจจัยของการทำงานอย่างเดียวแล้ว เป็นปัจจัยอื่นทำให้เขาเกิดความคิดว่า “ฉันตั้งใจจะเลือกคุณนะแต่ตอนนี้มีหลายพรรคเข้ามา ฉันเริ่มหวั่นไหวว่าฉันจะตัดสินใจอย่างไร” ทำให้คนทำงานพื้นที่ถูกมองข้ามไป พอถึงเวลาเข้าสภาแล้วคนที่จะเป็นมือเป็นปากเป็นเสียงของคุณ เขาจะเป็นให้คุณไหม นี่คือปัญหาใหญ่ตอนนี้

จิรายุ พรรคเพื่อไทย มองว่ามีการใช้เงินอยู่จริง ประธานหรือแกนนำชุมชนบางคนโทรมาหาเขาว่า “พรรคนี้มันมาอีกแล้ว” เขาก็บอกประธานชุมชนว่าให้รับเงินมาแล้วกาเพื่อไทย เพราะว่าในคูหาเขาไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด

“วิธีการมี 2 รูปแบบ แบบแรกคือวางแกน 5,000 – 10,000 บาท แล้วแต่จำนวนประชากร คือให้คนนี้ไปขนคนมา กับอันที่สองคือรับไปเลย สมมติรับไป 5 แสน ก็เฉลี่ยคนละ 1,000 บาท ผมก็ไม่เชื่อว่ามี แต่มันยังมีอยู่ เจอมาหนักเมื่อปี 2562 แล้วสมัยก่อนมีคืนหมาหอน เดี๋ยวนี้มีอินเทอร์เน็ตโอนผ่านแอปพลิเคชัน ถามว่าแบงก์ชาติหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะมานั่งตรวจคนเป็นล้านคนได้ไหม เพราะฉะนั้นต้องเตือนพี่น้องประชาชนอย่าให้เขาดูถูก โดยเฉพาะคนกรุงเทพมหานคร ถ้ารับเงินมาก็กาเพื่อไทย” จิรายุกล่าว

พิจารณ์ พรรคก้าวไกล มองว่าการซื้อเสียงเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนมองออกว่าเป็นการดูถูกเขา คิดว่าเขามองไม่เห็นคุณค่าของนโยบายหรือข้อเสนอต่างๆ ของแต่ละพรรคการเมืองเพื่อจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“กระสุนจะด้านมากขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดว่าเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเดิมพันที่น่าสนใจมาก ถ้าพรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจอย่างมากอย่างถล่มทลายในกรุงเทพมหานคร จะเป็นการยกระดับการเมืองในเวลาเดียวกัน เพราะหากคนที่เข้าสู่การเลือกตั้งด้วยการซื้อสิทธิ์ซื้อเสียง แทนที่จะมานำเสนอวิสัยทัศน์ นำเสนอนโยบาย แลกคะแนนด้วยการทำงานแต่ว่าใช้การซื้อเสียงแทน พอเขาพบแล้วว่ากระสุนด้านและมันทำไม่ได้อีก นั่นแปลว่าอีก 4 ปีข้างหน้าการซื้อเสียงจะเริ่มหายไป และผมไม่เชื่อว่าจะกลับมาอีกเพราะเขารู้แล้วว่ามันไม่เกิดผล

“การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะเป็นโอกาสในการเปลี่ยนประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้าแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ไม่เหมือนเดิม ให้นักการเมืองต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดแล้วว่าคุณจะเข้าสู่การเลือกตั้งแบบซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” พิจารณ์กล่าวปิดท้าย

MOST READ

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save