fbpx

ความเจ็บไข้ได้ป่วยของสังคม เพลงปลุกใจ ทั้งปลุกทั้งปั่นต้านการเปลี่ยนแปลง

แล้วงานรำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 6 และ 14 ตุลาคมก็ผ่านไปอีกปีหนึ่ง โดยปีนี้อาจจะผิดแผกแตกต่างไปจากปีก่อนๆ บ้าง ก็ตรงที่บรรยากาศอยู่ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างจริงจังของบรรดาหนุ่มสาว เด็กๆ เยาวชนรุ่นลูกรุ่นหลาน รวมไปถึงปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อันเป็นข้อเสนอที่มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง ซึ่งสำหรับคนรุ่นเก่าแล้วอย่าว่ากระไรเลย

เพียงแค่คิดก็ยังไม่กล้า

กล้าก็แค่เพียงตั้งชื่อพรรคการเมืองเท่านั้นเอง

น่าอเนจอนาถที่กุศลเจตนาการลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวเพื่ออนาคตของตัวเอง ความปรารถนาจะเห็นพี่น้องผองเพื่อนร่วมแผ่นดินอยู่ดีมีความสุข ประเทศชาติบ้านเมืองของตนพัฒนาก้าวหน้า เปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมประชาธิปไตยเฉกเช่นอารยประเทศ กลับได้รับการสนองตอบด้วยความอำมหิต เลือดเย็น

จับกุมคุมขัง ดำเนินคดีเยาวชน นักเรียนนักศึกษา ประชาชนหลายร้อยคนสังเวยอุดมการณ์ความรักความหวังดีที่มีต่อประเทศชาติ-ประชาชน

ประสาคนเดือนอื่นซึ่งอยู่นอกวงการ ได้แต่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองด้วยความรู้สึกสับสนงุนงงสงสัยว่า ที่เขาพูดกันถึงเจตนารมณ์เดือนตุลาก็ดี ประชาธิปไตยก็ดี มีนิยามความหมายอย่างไรแน่ ที่อ้างว่าชิงชังรังเกียจเผด็จการทรราชนั้น เป็นความจริงหรอกหรือ

มารำลึกถึงการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อ 48 ปีที่แล้ว และการสังหารหมู่นิสิตนักศึกษาเมื่อ 45 ปีก่อนแล้วไง นอกจากแยกย้ายกันกลับหรือไม่ก็วนเวียนเดินตามนายโทนี่และครอบครัว

ประการหลังนี่ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะยังมีหิริโอตัปปะหลงเหลืออยู่บ้าง เก็บรักษากิริยาวาจาเอาไว้ได้ ไม่ถึงกับออกปากบอก รักพ่อก็ต้องรักน้องสาวพ่อ รักภรรยาพ่อ รักลูกเขยพ่อด้วย ฯลฯ ให้เป็นที่บัดสีบัดเถลิงเสนียดจัญไรหูประชาชนผู้รักประชาธิปไตยเหมือนเช่น ‘ไอ้ห้อย’ แต่โดยนัยทางปฏิบัติแล้วไม่ได้แตกต่างกันไปสักกี่มากน้อย

นับวันการรำลึกถึงเหตุการณ์ 6 และ 14 ตุลา ดูจะกลายเป็นกิจกรรมรูทีน พื้นที่เวทีสำหรับการพบปะแสดงตัวของอีลิตอีกกลุ่ม ชนชั้นนำอีกฝ่ายในสังคมไทยไปโดยปริยาย คล้ายเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เข้าไปทุกที ที่ดาราคนดัง นักแสดงระดับอินเตอร์ไปโชว์ตัว เดินบนพรมแดงให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ

เนื้อหามีเพียงแค่วางพวงมาลาแล้วก็พูด พูด พูด ซ้ำซากอยู่ในประเด็นเก่าๆ ราวกับท่องอาขยาน

ไม่มีหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ไม่มีก้าวไกล ทะลุฟ้า ทะลุแก๊ซ ฯลฯ มาร่วมงานคงกร่อยน่าดู ว้าเหว่วังเวง ไร้ความหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตามมา

พูดถึงเทศกาลหนังเมืองคานส์แล้ว หัวร่อไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทุกครั้งที่เห็นภาพข่าวดาราสาวไทยไปเดินบนพรมแดงกับเขาด้วย สื่อมวลชนพาดหัวตัวไม้กันเอิกเกริกมโหฬารโดยไม่มีที่มาที่ไปใดๆ ทั้งสิ้น

แสดงภาพยนตร์ส่งเข้าประกวดกับเขาสักเรื่องก็ไม่ มีหนังไปฉายในต่างประเทศหรือก็เปล่า

เป็นเพียงแค่นางเอกละครน้ำเน่าทางโทรทัศน์ในประเทศซึ่งหนังจักรๆ วงศ์ๆ ยังขายได้ พล็อตเรื่องประเภทเมียน้อยเมียหลวงอิจฉาริษยา ตบตีแย่งผู้ชายมีผู้คนติดกันงอมแงม วันดีคืนดีมีข่าวใหญ่โตไปเดินพรมแดงมา ทำราวกับเป็นดาราดังระดับโลก หลงไหลได้ปลื้ม เคลิบเคลิ้มกันทั้งประเทศ

รสนิยมแบบนี้จึงไม่แปลกประหลาดอะไรเลยที่จะมีอภิมหามนุษย์ เก่งกล้าสามารถเหนือกว่าใครให้ผู้คนกราบไหว้บูชาโดยมิพักต้องคิดพิจารณาข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ ตรรกะและเหตุผล

มีโครงการโน่น ทฤษฎีนี่ ศาสตร์อะไรมากมายเต็มไปหมด แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังคงดิ้นรนหาเช้ากินค่ำ ปากกัดตีนถีบกระเสือกกระสนดิ้นรนให้อยู่รอด โดยปราศจากหลักประกันความมั่นคงในชีวิต สวนทางกับชนชั้นนำ คนส่วนน้อยบนยอดปิรามิดซึ่งควบคุมอำนาจรัฐ ผูกขาดความมั่งคั่งร่ำรวยเอาไว้ ขยายถ่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคมออกไปห่างขึ้นทุกที

ยากจะคลี่คลายแก้ไขได้เว้นเสียแต่จะยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อประโยชน์สุขของสังคมโดยรวม

ซึ่งก็นั่นแหละ เปรียบเหมือนอ้อยเข้าปากช้างมีหรือจะคายออกมา

บ้านนี้เมืองนี้จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพัฒนาอะไรได้ ขนาดคณะราษฎรก่อการปฏิวัติเมื่อปี พ.ศ. 2475 โดยปรารถนาจะนำพาประเทศชาติไปสู่สังคมประชาธิปไตย แต่ไม่ทันไรก็ต้องประสบพบกับรัฐประหาร กองทัพยึดอำนาจ นำพาแผ่นดินกลับคืนสู่ระบอบปกครองเผด็จการอีกครั้ง

ปู้ยี่ปู้ยำกันมากระทั่งทุกวันนี้ 

ขัดขวางพัฒนาการทั้งหลาย ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่จะส่งผลกระทบกระเทือนสถานภาพความมั่งคั่งของชนชั้นนำซึ่งกุมระบอบปกครอง

ทำทุกทางทั้งปราบปราม จับกุม คุมขัง สังหารโดยไม่ปล่อยให้ใครมาท้าทาย สร้างอาณาจักรความกลัวขึ้นมาควบคุมประชาชนไม่ให้มีปากมีเสียง แสดงความคิดเห็นเป็นอื่นไม่ได้ โปรปะกันดาสรรเสริญเยินยอระบอบที่เป็นอยู่เสียจนผู้คนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นปรสิตเป็นเทพเทวดา

โฆษณาชวนเชื่อให้ชาวบ้านราษฎรเคลิบเคลิ้มไปกับความเพ้อฝัน ลืมความเป็นจริงที่เจ็บปวด

วันร้ายคืนเลวก็สร้างภาพแหกตา ปล่อยเพลงปลุกใจมากรอกหูปลุกปั่นประชาชน เพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อผลประโยชน์ของตัวเอง

ล่าสุดเริ่มจากเพลงบ้านเกิดเมืองนอน ไล่เรียงตามมาด้วยตื่นเถิดชาวไทยและเพลงรักกันไว้เถิด

อพิโธ่ เพียงแค่หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่คิดอ่านแตกต่างไปจากตน ซึ่งควรจะแลเห็นเป็นเรื่องปกติตามกาลเวลาที่ผันเปลี่ยน ต้องการปฏิรูปอันนิยามความหมายถึงการปรับปรุงให้เหมาะสม ปรับปรุงให้ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป กลับมองเป็นฝ่ายตรงกันข้าม

ชอบรัฐประหารกลัวการปฏิวัติ กล่าวหาว่าคนรุ่นหลังไม่รักชาติบ้านเมืองเหมือนกับตัวเองที่ภักดีต่อระบอบมิเสื่อมคลาย แม้จะล้าหลัง ทรุดโทรม ไม่สอดคล้องต้องด้วยยุคสมัย ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ประชาชนคนทั้งประเทศ

ประทานโทษเถอะ หากลูกหลานไม่รักชาติบ้านเมืองคงไม่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงจนนำพาเภทภัยมาให้ตัวเองหรอก สู้กล้ำกลืนฝืนทนปล่อยให้ริยำตำบอนกันต่อไปเหมือนเช่นคนรุ่นก่อนๆ เพิกเฉย ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงติดคุกติดตะรางมิดีกว่าหรือ

เด็กๆ เยาวชนเขาชิงชังรังเกียจผู้ปกครองทรราช รับไม่ได้กับการกอบโกยผลประโยชน์โดยทุจริต ทำความเสื่อมเสียตกต่ำถดถอยให้กับบ้านเมืองก็สร้างวาทกรรมคำว่าชังชาติขึ้นมาเบี่ยงเบน บิดเบือน

รักกันไว้เถิด แต่กลับปราบปราม จับกุมคุมขัง ดำเนินคดีหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่อย่างเมามัน ขอปล่อยชั่วคราวไม่ให้ ยื่นประกันตัวไม่ได้

ตื่นเถิดชาวไทย ผู้ใด ใครล่ะที่หลับไหลลุ่มหลง มัวเมากามราคะ กว่าจะเยื้องย่างยุรยาตรออกมาปฏิบัติกิจการงานได้ต้องให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยใกล้ค่ำ

บ้านเกิดเมืองนอนหรือก็สอพลอตอแหลทั้งเพ

ถามจริงๆ เถอะ “บัดนี้ไทยดีเด่นร่มเย็นสมสุขเรื่อยมา” นั่นเมื่อไร “ไทยเจริญวิสุทธิ์ผุดผ่อง” นั่นตรงไหน เลิกละเมอเพ้อพก พล่ามถึงอดีตแล้วหันกลับมามองปัจจุบันทุกวันนี้ มีอะไรให้ลูกหลานภาคภูมิใจได้บ้าง 

โค่นล้มประชาธิปไตย รัฐประหารยึดอำนาจเป็นว่าเล่น ละเมิดสิทธิมนุษยชนจนเห็นเป็นเรื่องปกติ สังหารหมู่ประชาชนกลางเมืองเหมือนผักปลา ผู้ปกครองไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม ประพฤติตนเหลวไหล ปราศจากหิริโอตัปปะ ข้าราชการทุจริตนักการเมืองคอร์รัปชันชักเปอร์เซ็นต์รับเงินทอนจนกลายเป็นวัฒนธรรมเลวร้าย ฯลฯ

เพราะฉะนั้นชวนกันยินดีเปรมปรีดีใจจึงคงจะมีแต่คนบ้า สติวิปลาส หรือไม่ก็ปลิ้นปล้อนเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง

คนดีๆ มีปัญญามันสมอง ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง รู้จักใช้เหตุผลใคร่ครวญ จำแนกแยกแยะความถูกต้องชอบธรรมได้ ไม่มีใครหรอกภาคภูมิใจไปกับระบอบปกครองโหดร้าย อำมหิต หลงยุค ล้าหลัง ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมได้

แผ่นดินนี้ต้องมีอะไรไม่ปกติ สังคมต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรสักอย่าง

มิเช่นนั้นคงไม่วิปริตผิดเพี้ยน ผู้ใหญ่ซึ่งสมควรเป็นหลักให้กับบ้านเมืองไม่พลีกายขายวิญญาณ ยอมเป็นเครื่องมือพิทักษ์รักษาระบอบเก่า ทั้งๆ ที่รู้อยู่ถึงความเหลวแหลกเละเทะ ตรงกันข้ามกับเด็กรุ่นลูกรุ่นลูกหลาน คนรุ่นใหม่กลับแลเห็นถึงปัญหาของประเทศชาติ ออกแรงเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไข ในขณะที่ผู้หลักผู้ใหญ่กลับพยายามจะแก้ตัว พร่ำอบรมสั่งสอนให้ลูกหลานรู้บาปบุญคุณโทษ อะไรดีอะไรชั่ว ตัวเองกลับไปกราบไหว้บูชาใครไม่เลือก

ไร้ความสามารถในการใช้สติปัญญาคิดพิจารณาเหตุผลด้วยตัวเอง หลับหูหลับตาจับกุมคุมขัง สั่งคดีสุดแท้แต่จะสนตะพาย อ้างกฎหมายโดยไม่แยแสมโนธรรมสำนึก ความถูกต้องชอบธรรมใดๆ

คนหรือควาย มนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงของใคร ลองใคร่ครวญดู

ลูกหลานด่าว่าอย่าได้ไปขึ้งโกรธ แต่ควรภาคภูมิใจเพราะเรามันสัตว์เลี้ยง ควายจริงๆ

ถึงขนาดความรักยังขอพ่วงขอแถมได้นี่ คงตอบทุกข้อสงสัยในตัวเองโดยไม่ต้องถามไถ่อะไรอีก จะปลุกปลอบใจกี่เพลง ร้องจนเสียงแหบเสียงแห้งก็คงยากจะทัดทานพลวัต กระแสความเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับเจตจำนงแท้จริงของประชาชนคนทั้งประเทศ

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save