fbpx

รู้จักอันวาร์

FAZRY ISMAIL / POOL / AFP: ภาพประกอบ

“Feel like a life time” (รู้สึกเหมือนชั่วชีวิต) คือคำพูดติดตลกที่อันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซียหันไปพูดกับคนใกล้ๆ ในวาระการเยือนประเทศไทย และได้รับเชิญให้ปาฐกถาเรื่อง The Future of ASEAN ที่จัดโดยหอการค้าไทย-มาเลเซีย หลังจากที่เจ้าภาพกล่าวต้อนรับเขาด้วยการเอ่ยถึงการรอคอยของเขาถึง 25 ปีกว่าจะได้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เมื่อย้อนดูชีวิตของอันวาร์ในอดีตกว่า 40 ปีที่ผ่านมา อาจถือได้ว่าเขาเป็นนักการเมืองที่เป็นประหนึ่งแมวเก้าชีวิต และหากเขาประคองตนให้อยู่ในอำนาจได้ครบเทอม ก็อาจเข้าแทนที่แมวเก้าชีวิตระดับตำนานอย่างมหาเธร์ โมฮัมหมัด (Mahathir Mohamad) ผู้ดูเหมือนว่าได้ใช้ชีวิตที่เก้าทางการเมืองของตนหมดไปเรียบร้อยแล้ว

‘ชั่วชีวิต’ ของอันวาร์อาจมีหลายครั้ง เขาเปลี่ยนโฉมแปลงร่างหลายหนกว่าจะทะยานขึ้นถึงจุดสูงสุดทางการเมืองของประเทศ ชีวิตการเมืองของเขาจะมีเวลาที่สั้นหรือยาว จะนำพาสังคมมาเลเซีย หรือแม้กระทั่งสังคมประชาธิปไตยของภูมิภาคไปทางใด ยังเป็นคำถามที่น่าสนใจยิ่ง

เส้นทางการเมืองและชีวิตของอันวาร์ อิบราฮิม เริ่มต้นเมื่อทศวรรษ 1970s ในยุคของนายกรัฐมนตรีคนที่สามของมาเลเซีย ฮุซเซน ออน (Hussein Onn) ซึ่งมาเลเซียยามนั้นยังเป็นประเทศเกิดใหม่ไม่ถึง 20 ปี  

อันวาร์เกิดใน พ.ศ. 2490 มาจากครอบครัวชนชั้นกลางในปีนัง บิดาเป็นพนักงานโรงพยาบาลและสมาชิกพรรค UMNO (United Malays National Organisation) และมารดาเป็นแม่บ้าน เขาเข้าเรียนที่ Malay Collage Kuala Kangsar วิทยาลัยชั้นนำในรัฐเปรัก ก่อนเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมลายา (Universiti Malaya) ในกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างปี 2511-2514 เขาเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง รับตำแหน่งประธานชมรมภาษามลายูของมหาวิทยาลัย (UM Malay Language Society) และประธานสหภาพนักศึกษามุสลิมมาเลเซียแห่งชาติ (National Union of Malaysian Muslim Student) ใน พ.ศ. 2541 เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งขบวนการยุวชนอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือเรียกกันตามชื่อย่อในภาษามลายูว่า ABIM (Angkatan Belia Islam Malaysia) ซึ่งเป็นองค์กรที่จะส่งเขาเข้าสู่การเมืองในภายหลัง 

ไซฟูดดีน อับดุลลาห์ (Saifuddin Abdullah) นักการเมืองร่วมพรรคและเพื่อนเก่าเขียนถึงอันวาร์ว่า เขาเป็นผู้นำเอาจิตวิญญานของการต่อสู้เข้าสู่ขบวนการนักศึกษามาเลเซียเวลานั้น ทั้งยังมีหนังสือและข้อเขียนในมาเลเซียบางชิ้นที่พูดถึงอันวาร์ในวัยหนุ่มว่าเขามีพรสวรรค์ในการปราศรัยที่มีพลัง สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ฝูงชนได้อย่างที่ไม่มีคนรุ่นเดียวกันหรือแม้กระทั่งต่างรุ่นเสมอเหมือน โดยครั้งนั้นเขาต่อสู้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้การใช้ภาษา วรรณกรรม และวัฒนธรรมมลายู ศาสนาอิสลาม และต่อต้านการทุจริตและช่องว่างระหว่างคนจนคนรวย ในวัยนักศึกษาเขาเรียกร้องสิทธิให้นักศึกษาสามารถเข้าร่วมองค์กรพัฒนาเอกชนและพรรคการเมืองได้ ซึ่งขัดแย้งกับการควบคุมของรัฐบาล

ถ้า ABIM เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตทางการเมืองของเขา อันวาร์ก็เริ่มมันด้วยการมุ่งเป้าไปที่ความสมานฉันท์ในหมู่ชาวมลายูด้วยกัน เขาทำกิจกรรมส่งนักศึกษาไปอยู่ร่วมกับชาวมลายูยากจนในชนบทเพื่อเรียนรู้ปัญหา การนำประท้วงเป็นงานประจำของเขาจนกระทั่งมันส่งเขาเข้าคุกในปี ภายใต้กฎหมายความมั่นคงภายใน (Internal Security Act: ISA) ถึง 2 ปี 

อันวาร์ใช้เวลาในคุกไปในการอ่านหนังสือ เพื่อนอดีตนักกิจกรรมของเขาคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า อันวาร์เริ่มคิดถึงการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมด้วยการใช้แนวคิดแบบอิสลาม เขาเขียนหนังสือชื่อ ‘Islamic Revivalism’ ที่ตอนหนึ่งกล่าวถึงความโกรธในเรื่องชะตากรรมของชาวมลายูในประเทศ อันเนื่องจากการขาดการศึกษา การพัฒนา และสาธารณสุข และขยะแขยงต่อการขาดฐานทางจริยธรรมและการชี้นำทางจิตวิญญาน เขาและนักกิจกรรมจึงหันเข้าหาอิสลามเพื่อเติมช่องว่างนี้และหาทางออกให้แก่ปัญหา

ชีวิตการเมืองของนักกิจกรรมวัยละอ่อนปิดฉากลงพร้อมการจองจำ แต่มันเป็นเครดิตส่งชีวิตช่วงถัดมาให้เขาอย่างเหมาะเหม็ง การติดคุกภายใต้กฎหมายความมั่นคงภายในซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐในการจัดการกับนักกิจกรรมทางการเมืองสร้างชื่อให้เขาให้โด่งดังออกนอกรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อพ้นการคุมขัง เขาเข้ารับตำแหน่งประธานคนที่สองของ ABIM และอยู่ในตำแหน่งระหว่างปี 2517-2525 

บทความบางชิ้นวิเคราะห์ว่า ABIM เป็นผลผลิตของกระแสการฟื้นฟูศาสนาอิสลาม (Islamic revivalism) โลกในเวลานั้น  ABIM ยุคก่อตั้งเน้นกิจกรรมนักศึกษามุสลิมแบบเข้มข้น เรียกร้องให้ชาวมุสลิมหันกลับเข้าหาคำสอนที่แท้จริงของศาสนาอิสลาม โดยมีเป้าหมายเผยแพร่ศาสนาอิสลามผ่านการทำงานทางสังคมเช่นการช่วยเหลือผู้ยากไร้ สนับสนุนขบวนการดาวะห์ (Dawah) หรือการเผยแพร่ศาสนาโดยเยาวชนอิสลาม จนกลายเป็นหัวหอกสำคัญองค์กรหนึ่งของขบวนการดาวะห์ของมาเลเซีย  

ABIM ภายใต้การนำของอันวาร์เริ่มหันเข้าสู่การรณรงค์ทางการเมืองคู่ไปกับกิจกรรมทางสังคมมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นทศวรรษ 1980s ที่เริ่มสร้างกลไกในการเผยแพร่ศาสนา มีการสร้างโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษา มีโครงสร้างด้านเศรษฐกิจและต่างประเทศที่นำไปสู่การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเมื่อเกิดปัญหาในประเทศมุสลิม

ในทศวรรษต่อมา อันวาร์นำ ABIM วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล UMNO ซึ่งรวมถึงการคัดค้านนโยบายเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Policy: NEP) ที่กลุ่มเห็นว่ามีอคติทางเชื้อชาติ เนื่องจากเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายมลายูผู้นับถือศาสนาอิสลามมากกว่าชาวมาเลเซียเชื้อสายและศาสนาอื่น การคัดค้านนโยบาย NEP สร้างความนิยมต่อ ABIM ในหมู่นักศึกษาอย่างกว้างขวาง 

ABIM ยังมีจุดยืนสนับสนุนการปฏิวัติอิหร่านที่โค่นล้มระบอบที่ทุจริตของชาห์แห่งอิหร่าน โดยอันวาร์เดินทางไปเยือนอิหร่านภายใต้โคไมนี และปากีสถานภายใต้รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดี Mohamad Zia ul-Haq ทำให้ ABIM ถูกนักการเมืองพรรค UMNO วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกลุ่มสุดโต่งที่เป็นอันตราย นอกจากนั้น อันวาร์ได้ขยายขอบเขตการทำงานด้านอิสลามไปสู่เวทีนานาชาติด้วยการรับตำแหน่งผู้แทนของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกใน World Assembly of Muslim Youth (WAMY) ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นวางรากฐานให้กับเครือข่ายระดับนานาชาติที่เขามีในปัจจุบัน 

ABIM ก่อตั้งขึ้นในยุคของความปั่นป่วนที่ลากยาวตลอดทศวรรษ 1970s มาเลเซียพบปัญหากลุ่มอิสระกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยในชื่อเช่น Islamic Revolutionary Forces Spiritual Group หรือ the Crypto มีพฤติกรรมคล้ายกองกำลังติดอาวุธที่ใช้ความรุนแรงในนามของอิสลาม ในขณะที่รัฐบาลกวาดล้างกลุ่มเหล่านี้ ก็ถือเป็นโอกาสในการทำลายเครดิตของขบวนการดาวะห์ไปด้วย ฐานะขององค์กรอย่าง ABIM จึงตกที่นั่งฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทั้งอย่างตั้งใจและโดยปริยาย โดยหลายฝ่ายก็มองเห็นว่าเวลานั้น ABIM เป็น NGO ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างเข้มข้นที่สุดในบรรดา NGO ทั้งหลายในประเทศ  

ช่วงต้นทศวรรษ 1980s แนวร่วมพรรคพรรครัฐบาลที่นำโดย UMNO ขณะนั้นเริ่มสั่นคลอนเมื่อพรรค PAS (Parti Islam Se-Malaysia) ถอนตัวออกจากรัฐบาลและเริ่มจับมือกับ ABIM เพราะ UMNO เล็งเห็นว่า เมื่อพรรค PAS ซึ่งมีฐานในระดับรากหญ้าอย่างกว้างขวาง ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับ ABIM ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่เยาวชนมุสลิม ย่อมเป็นภัยคุกคามแย่งชิงฐานเสียงชาวมลายูจากพรรค UMNO เป็นแน่แท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้นำยังเติร์กในพรรค PAS ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติอิหร่านเข้ารับอำนาจบริหารพรรคและพร้อมที่จะขยายอุดมการณ์ฟื้นฟูอิสลามในหมู่ประชาชน   

รัฐบาล UMNO จึงพยายามใช้กฎหมายบังคับควบคุมการทำกิจกรรมของขบวนการดาวะห์และ ABIM แต่กฎหมายหรือจะสู้กับกลเม็ดเด็ดพรายทางการเมืองของมหาเธร์ โมฮัมหมัด ผู้เข้ารับตำแหน่งนายกฯ คนใหม่ของมาเลเซียในปี 2524  ฐบาลมหาเธร์เริ่มช่วงชิงการนำของขบวนการดาวะห์ด้วยการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมกับประเทศมุสลิมทั่วโลก และเริ่มทำตัวให้เป็นอิสลามนิยมมากขึ้นด้วยการออกนโยบายสนับสนุนอิสลามต่างๆ เพื่อถ่วงดุลกับขบวนการฟื้นฟูอิสลามโลกและชิงไหวชิงพริบกับพรรค PAS คู่แข่ง  

แต่ผลงานที่ทำให้ มหาเธร์ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดนักยุทธศาสตร์ทางการเมือง คือความสำเร็จในการตัดหน้ากลุ่มผู้นำยังเติร์กของพรรค PAS ชิงตัวอันวาร์ให้เข้าร่วมพรรค UMNO ได้ในปี 2526 เวลานั้นอันวาร์ในฐานะประธาน ABIM ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในขบวนการดาวะห์มาเลเซีย การดึงตัวอันวาร์เข้าพรรคสำเร็จจึงทำให้พรรค UMNO สามารถตัดกำลังพรรค PAS คู่แข่งได้อย่างรุนแรง แต่ PAS ก็ได้สมาชิก ABIM คนสำคัญอีกคนหนึ่งไป นั่นคือ ฮาดี อาหวัง (Hadi Awang) อูลามาและประธานพรรคพาสคนปัจจุบัน ผู้กลายมาเป็นศัตรูทางการเมืองตัวฉกาจของอันวาร์ผู้ใช้วาทกรรมอิสลามนิยมสุดโต่งในการหาเสียงและโจมตีรัฐบาลใหม่อย่างต่อเนื่องถึงขณะนี้  

การตัดสินใจเข้าพรรค UMNO ของอันวาร์สร้างความผิดหวังและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสหายใน ABIM อย่างใหญ่หลวง แต่นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่าเวลานั้นมหาเธร์กับอันวาร์มีความคิดที่ประสานกันได้อยู่ไม่น้อย ในขณะที่มหาเธร์เป็น ‘ชาตินิยมและมลายูนิยมขั้นสุด’ (ultra-Malay nationalist) แนวความคิดของอันวาร์เวลานั้นคือ ‘ชาตินิยมอิสลามมลายู’ (Islamic-Malay nationalist) ทั้งคู่มีแนวคิดการตีความอิสลามแบบใหม่โดยไม่ทิ้งความเป็นมลายู แม้ว่าอันวาร์จะมีความเป็นอิสลามนิยมในบางเรื่องมากกว่ามหาเธร์ก็ตาม 

ทั้งคู่รู้จักกันในช่วงที่มหาเธร์เป็นนักการเมืองหนุ่มไฟแรงในปีกตรงข้ามนายกรัฐมนตรีอับดุล ราห์มาน (Tunku Abdul Rahman) ของพรรค UMNO ขณะที่อันวาร์ก็กำลังเป็นเด็กกิจกรรมนักศึกษาที่เคลือนไหวต่อต้านนายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน ทั้งในรั้วมหาวิทยาลัยและใน ABIM ตอนนั้นอันวาร์เป็นตัวตั้งตัวตีในการวิจารณ์พรรค UMNO แม้ว่าครอบครัวของเขาจะเป็นผู้สนับสนุนพรรค UMNO ตัวยง โดยผู้นำพรรค UMNO เองเคยพยายามแก้ปัญหาด้วยการเสนอตำแหน่งต่างๆ ให้ตั้งแต่เมื่อเขาเป็นนักศึกษา ซึ่งรวมทั้งตำแหน่งรัฐมนตรีและตำแหน่งผู้แทนของมาเลเซียในองค์การ Food and Agricultural Organisation ของสหประชาชาติ ที่เสนอโดยอับดุล ราซัก (Abdul Razak) นายกรัฐมนตรีคนที่สองจากพรรค UMNO เอง แต่อันวาร์ก็ปฏิเสธมาตลอด ครั้งหนึ่งเขาถึงขั้นเปรียบพรรค UMNO กับถังบำบัดนำเสียที่ไม่สามารถชำระล้างทำความสะอาดจากข้างในได้ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจเข้าสู่การเมือง  

ความฝันของอันวาร์คือการจดทะเบียน ABIM เป็นพรรคการเมืองก่อนจะลงสนามการเมืองเต็มตัว แต่ ABIM ก็ยังคงมีสถานะของ NGO จนถึงทุกวันนี้ เพราะอันวาร์แมวเก้าชีวิต ปิดฉากชีวิตนักกิจกรรมดาวะห์ ประธานองค์กรเยาวชน ABIM และนักวิพากษ์ตรวจสอบรัฐบาล เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงของพรรค UMNO และเป็นศิษย์เอกเด็กปั้นของพ่อมดการเมืองมหาเธร์ โมฮัมหมัด เขาก้าวหน้าทางการเมืองภายในพรรค UMNO อย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 15 ปีภายใต้พรรค UMNO เขาไต่เต้าจาก ส.ส. ขึ้นเป็นรัฐมนตรีผู้มีอิทธิพล รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  เชื่อกันว่าเขาถูกวางเป็นตัวตายตัวแทนรอคว้าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากมหาเธร์ในเวลาไม่นาน และในช่วงเวลาที่เขามีบทบาทในพรรค รัฐบาล UMNO ก็มีหลายโครงการที่สอดแทรกนัยของอิสลามและอัตลักษณ์มลายู ซึ่งอาจมาจากอันวาร์เอง หรือมาจากเจตนาของมหาเธร์ในการช่วงชิงคะแนนนิยมจากพรรค PAS ไปพร้อมกัน

แต่โลกของการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ชะตากรรมเล่นตลกให้อันวาร์กลายเป็นเทวดาตกสวรรค์ เมื่อความขัดแย้งเรื่องการจัดการปัญหาเศรษฐกิจช่วงวิกฤติการเงินต้มยำกุ้งปะทุในมาเลเซีย เขาถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตามมาด้วยตำแหน่งในพรรคทุกตำแหน่ง ท้ายที่สุดก็ถูกขับออกจากพรรค ยุติชีวิตนักการเมืองในสังกัดพรรค UMNO ใน พ.ศ. 2541

ชีวิตใหม่ทางการเมืองของเขาอาจเป็นชีวิตที่ความยากลำบากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เขาเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านที่ใช้เวลา 10 ปีขึ้นโรงขึ้นศาล และเข้าๆ ออกๆ เรือนจำเป็นว่าเล่นด้วยคดีที่อาจารย์ผู้กลายมาเป็นศัตรูอย่างมหาเธร์สรรหามาให้ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตและการมีพฤติกรรมทางเพศอย่างผิดปกติ (sodomy) แต่ชะตากรรมของเขาครั้งนี้ได้เป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ขบวนการเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง’ (Reformasi) ที่เขาตั้งขึ้นร่วมกับกลุ่มประชาสังคมไม่นานก่อนถูกจำคุกครั้งแรก โดยขบวนการนี้มีฐานความคิดเรื่องความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ความยุติธรรมทางสังคม และประชาธิปไตย แนวความคิดของอันวาร์เปลี่ยนจากการต่อสู้เพื่อสิทธิประชากรเชื้อสายมลายูเป็นพหุนิยม (pluralism) กลุ่ม Reformasi จดทะเบียนก่อตั้งพรรคการเมืองและพัฒนามาเป็นพรรค PKR (Parti Keadilan Rakyat) ที่เขารับตำแหน่งประธานพรรคในปัจจุบัน

ความยากลำบากที่อันวาร์ต้องเผชิญในตอนนั้นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้อันวาร์เปลี่ยนแนวคิดจากการเป็นนักกิจกรรมที่มุ่งเรียกร้องสิทธิและพิทักษ์อัตลักษณ์มลายู และการเป็นนักการเมืองมลายูนิยม อิสลามนิยม ตามแบบฉบับพรรค UMNO  มาเป็นหัวหอกของแนวคิดทางการเมืองแบบใหม่ในมาเลเซีย นั่นคือการเมืองที่ให้โอกาสพลเมืองหลากหลายเชื้อชาติโดยเท่าเทียมกัน และการปฏิรูปการเมืองที่ยุติการกีดกันทางเชื้อชาติและนำไปสู่ความยุติธรรมในสังคม 

ขบวนการปฏิรูปการเมืองที่ไม่ได้จำกัดแค่พรรค PKR แต่ขยายตัวไปในแนวร่วมกลุ่มประชาสังคมและกลุ่มวิชาชีพ ใช้เวลา 24 ปีโน้มน้าวชาวมาเลเซียให้ออกจากความกลัวอิทธิพลพรรค UMNO ผู้คุมกลไกของรัฐและการเมือง

มาเลเซียพลิกผันเหมือนบทละครอีกครั้งเมื่ออดีตนายกฯ มหาเธร์ ผู้ลาออกจากพรรค UMNO มาตั้งพรรคใหม่ตกลงใจจับมือลงเลือกตั้งครั้งที่ 14 กับพรรคฝ่ายค้านนำโดยพรรค PKR ตั้งเป็นแนวร่วม Pakatan Harapan (PH) ด้วยข้อตกลงร่วมว่าหากชนะเลือกตั้งตนเองจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงชั่วคราว ก่อนจะส่งต่อตำแหน่งให้อันวาร์ ผู้ซึ่งตนสัญญาว่าจะกราบบังคมทูลสมเด็จพระราชาธิบดีขอประทานอภัยโทษให้เขาออกจากที่คุมขังและพ้นจากคดีทั้งมวล

ขบวนการ Reformasi ที่นำโดยอันวาร์และมหาเธร์ โค่นอำนาจพรรค UMNO ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองมาเลเซียในการเมืองตั้ง พ.ศ. 2561 ชีวิตที่ 5 ของอันวาร์เริ่มขึ้นพร้อมความเป็นอิสระจากที่คุมขัง ท่ามกลางความหวังของผู้สนับสนุนจะเห็นเขารับไม้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ความหวังนั้นมีอายุเพียง 22 เดือน รัฐบาล Pakatan Harapan ก็ล่มลงเมื่อส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 11 คนลาออกเพื่อจับมือกับพรรค UMNO  ตามมาด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมหาเธร์  ทิ้งช่องว่างให้ UMNO รวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อันวาร์พลาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สอง Pakatan Harapan เปลี่ยนสถานะเป็นแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน อันวาร์แยกทางกับมหาเธร์อีกครั้งโดยครั้งนี้อาจไม่มีวันหวนคืน

มาเลเซียหลังรัฐบาล Pakatan ล่ม เป็นมาเลเซียที่ขาดความมั่นคงทางการเมืองจากการทะเลาะเบาะแว้งของพรรคร่วมรัฐบาล การเจ็บไข้การแพร่ระบาดของโควิด -19 รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่ตามมาจากโรคร้ายและสงครามยูเครน  

เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ 15 มาถึงในเดือนพฤศจิกายน 2565 นักสังเกตการณ์ทางการเมืองทำนายความพ่ายแพ้ของแนวร่วมฝ่ายค้าน Pakatan Harapan แม้กระทั่งผู้สนับสนุนอันวาร์จำนวนมากยังกังขาว่าอันวาร์จะมีโอกาสคว้าดวงดาวในครั้งนี้และครั้งไห ๆ ในชีวิตหรือไม่

ผลการเลือกตั้งทำให้การเมืองมาเลเซียตกอยู่ในสภาพ ‘hung parliament’ คือภาวะที่ไม่มีพรรคการเมืองใดได้รับคะแนนเสียงมากเกินกึ่งหนึ่งจนสามารถอ้างสิทธิ์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นครั้งแรก ขั้วของแนวร่วมพรรคการเมืองแบ่งเป็นสามค่าย คือ Perikatan Nasional นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี มูยีดดีน ยาซซีน ประธานพรรคเบอร์ซาตู (Bersatu: Parti Pribumi Bersatu Malaysia), Barisan Nasional นำโดย อาห์หมัด ซาฮีด ฮามีดี (Ahmad Sahid Hamidi) ประธานพรรค UMNO และ Pakatan Harapan นำโดย อันวาร์ หัวหน้าพรรค PKR 

เกือบหนึ่งสัปดาห์หลังการเลือกตั้ง ชาวมาเลเซียกลั้นใจรอบุคคลผู้จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างใจจดใจจ่อ ครั้งนี้อันวาร์พิสูจน์ฝีมือในการใช้วิทยายุทธ์ประสานรอบทิศและสายสัมพันธ์จากสำนัก UMNO ในอดีต ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขาเจรจากับซาฮีด ฮามีดี ประธานพรรค UMNO อย่างไรและตั้งแต่เมื่อไหร่ กระทั่งซาฮีดผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นนักการเมืองหนุ่มในสังกัดค่ายของอันวาร์ในพรรค UMNO ตกลงจับมือร่วมอันวาร์ตั้งรัฐบาล พลิกเกมให้อันวาร์เอื้อมมือคว้าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ  

อันวาร์เริ่มต้นชีวิตใหม่ทางการเมืองในฐานะผู้นำประเทศผู้แบกภาระที่ไม่มีผู้นำมาเลเซียคนไหนเคยได้รับมาก่อน นั่นคือการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่สามารถดำเนินนโยบายปฏิรูปการเมืองได้อย่างแท้จริงตามที่สัญญาไว้ สามารถประสานความแตกแยกแยกทางเชื้อชาติของคนในประเท ตามวาทกรรมใหม่ที่เขาตั้งใจจะสร้าง (new narrative) ให้ชาวมาเลเซียเชื่อว่า  นับแต่นี้สิทธิและความเชื่อของคนมาเลเซียหลากหลายเชื้อชาติศาสนาย่อมได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกันในฐานะพลเมืองของประเทศ

ด้วยภูมิหลังของนักกิจกรรมอิสลาม อันวาร์เป็นผู้นำมาเลเซียเพียงคนเดียวที่ถูกตั้งคำถามถึงความหมายในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศที่มีต่อโลกมุสลิมในวงกว้าง ทั้งคำถามที่ว่าการขึ้นสู่อำนาจของเขาจะถือเป็นชัยชนะของแนวคิดอิสลามสายกลางในระบอบประชาธิปไตยได้หรือไม่ และเขาจะประคองแนวความคิดนี้ให้วางรากฐานอย่างมั่นคงในสังคมมาเลเซียที่อัตลักษณ์ทางเชื้อชาติมลายูผูกพันเหนียวแน่นไปกับศาสนาอิสลาม และถูกบิดเบี้ยวเพื่อใช้ประโยชน์ทางการเมืองมาแล้วอย่างรุนแรงได้อย่างไร

ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนเงื่อนไขง่ายๆ ในเบื้องต้น คือเขามีความจำเป็นที่ต้องอยู่ให้ครบเทอมก่อนอื่นใด 

– ๐ –


อ้างอิง

Second Sphere: The icon of youth activism

Malaysian Islamic Youth Movement (ABIM)

Patterns of State Interaction with Islamic Movements in Malaysia during the Formative Years of Islamic Resurgence

MOST READ

World

1 Oct 2018

แหวกม่านวัฒนธรรม ส่องสถานภาพสตรีในสังคมอินเดีย

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก สำรวจที่มาที่ไปของ ‘สังคมชายเป็นใหญ่’ ในอินเดีย ที่ได้รับอิทธิพลสำคัญมาจากมหากาพย์อันเลื่องชื่อ พร้อมฉายภาพปัจจุบันที่ภาวะดังกล่าวเริ่มสั่นคลอน โดยมีหมุดหมายสำคัญจากการที่ อินทิรา คานธี ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

1 Oct 2018

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save