fbpx
Agony Uncle* Hema ลุงเฮม่าตอบปัญหา

Agony Uncle* Hema ลุงเฮม่าตอบปัญหา

ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์ เรื่อง

Q : เห็นเขาดราม่ากันเรื่องเสี่ยหนุ่มขอแต่งงานสาวกลางงานเดี่ยวโน้ต 12 บางคนก็บ่นว่ารำคาญ เอาเปรียบคนที่เสียเงินมาดู บางคนก็บอกว่าน่ารัก ลุงคิดยังไง อยากรู้ –  นาย

A : ตอบคุณนาย

อุดม แต้พานิช เดี่ยวไมโครโฟนมา 12 ปีแล้วหรือครับ ผมนึกว่าเขาเลิกไปแล้วเสียอีก มาตามเรื่องนี้ตอนที่คุณถามนี่แหละ การขอแต่งงานเป็นธรรมเนียมการสร้างความประทับใจของฝรั่ง ในหนังเรามักจะเห็นผู้ชายนั่งคุกเข่าในร้านอาหาร ก่อนจะเอ่ยอะไรซึ้งๆ ตามด้วยประโยคเด็ด “คุณจะแต่งงานกับผมไหม” แล้วก็มอบแหวน คือส่วนใหญ่คนเขาก็ขอแต่งงานกันอย่างไม่ประเจิดประเจ้อ เพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไอ้ที่มาขอแต่งงานในที่สาธารณะนั้นน่าจะด้วยเหตุผลสามข้อ 1) อยากจะเซอร์ไพรส์แฟน 2) อยากจะมีสักขีพยาน 3) อยากให้มีคนแชร์เยอะๆ ซึ่งข้อ 3 นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของลุงเอง คุณจะไม่เชื่อลุงก็ไม่ว่า

ปกติการขอแต่งงานในที่สาธารณะนี่ต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก คือปกติขอกันสองต่อสองผู้ชายก็ตื่นเต้นจะแย่ บางคนถึงกับพูดจาไม่รู้เรื่องก็มี นี่ขอต่อหน้าคนเป็นสิบเป็นร้อย (หรือเป็นหมื่นเป็นแสนในกรณีที่มีคนแชร์) ช่างกล้าหาญ แล้วอีกอย่างโอกาสที่จะถูกผู้หญิงปฏิเสธต่อหน้าธารกำนัลก็มีนะ คือมันก็เกิดขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะในกรณีที่คบหาดูใจกันได้ไม่นาน แล้วผู้ชายเกิดวูบอะไรขึ้นมาไม่ทราบ ขอสาวแต่งงาน เอาแบบเอิกเกริกเลยนะ ชนิดทั้งโลกต้องรู้ (บางทีอาจแอบนึกว่าความเซอร์ไพรส์นี่แหละนี่จะสามารถสร้างความประทับใจจนผูกมัดใจหญิงไว้ได้ ปรากฏว่าบางทีก็คิดผิด) ถ้าซวยก็อาจถูกแฟนปฏิเสธ ถึงกับคอตกกลับบ้านมือเปล่า น่าสงสารเลยทีเดียว แถมยังเป็นเหตุการณ์ที่กลายเป็นความเงิบอมตะเพราะมันเวียนวนอยู่ในโลกเสมือนจริงครั้งแล้วครั้งเล่า

เสียดายหาคลิปขอแต่งงานที่ว่าไม่เจอ เจอแต่รูป จึงบอกอะไรไม่ได้มากนอกจาก ผู้ชายคนนี้เขากล้ามาก ส่วนตัวแล้วลุงรู้สึกว่าเขากล้าไปหน่อย เพราะโดยทั่วไปแล้วการจะมาขอแต่งงานกลางฝูงชนที่เขามากันเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (ในที่นี้คือมาดูเดี่ยวโน้ต) ปกติแล้วคนที่ขอนี่จะต้องเป็นเจ้าภาพงานเลยจึงจะเรียกว่ามีสิทธิใช้พื้นที่ นึกออกไหมว่าถ้าเป็นคุณโน้ตเองควงไมค์ขอแฟนสาวแต่งงานอะไรแบบนี้ ทั้งฮอลล์คงกรี๊ดกร๊าดอวยแล้วอวยอีกไม่รู้จักจบ แต่หนุ่มนักธุรกิจคนนั้นเท่าที่ทราบแกเป็นเพื่อนกับสปอนเซอร์ของงานเดี่ยว แล้วก็ขอแทรกคิวมาโดยตกลงกับโน้ตล่วงหน้า (ตรงนี้หากเข้าใจอะไรผิดก็ขออภัยนะครับ) อย่างที่ดาราอังกฤษ ไอดริส เอลบา ขอแฟนแต่งงานบนเวทีโรงหนังซึ่งฉายหนังรอบปฐมทัศน์ ซึ่งเป็นหนังของเขาเอง เขาก็มีสิทธิ ออกมามันก็ดูดี ทั้งที่ไม่มีอะไรมาก แฟนสาวก็ไม่ได้แต่งชุดขาวมารับเซอร์ไพรส์อย่างของงานโน้ตด้วย (ไม่มีอะไร ก็แค่ตั้งข้อสังเกตเฉยๆ)

แต่นี่คุณนักธุรกิจหนุ่ม ถึงแม้จะเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจ แต่ในสายตาของคนดูในฮอลล์นั้นแกเป็นใครก็ไม่ทราบ มันก็เลยประดักประเดิด เลยล้นไปจนถึงขั้นโดนดราม่า จนแกต้องออกมาขอโทษขอโพย อันนี้ต้องยอมรับในความแมนของนักธุรกิจหนุ่มคนนี้ แล้วก็น่าสงสารด้วยเพราะชีวิตครอบครัวที่อยากจะตั้งต้นก็มาเสียฤกษ์เพราะโดนคนวิพากษ์วิจารณ์ แทนที่จะได้ความประทับใจมิรู้ลืม น่าเห็นใจเขาครับ

ถามว่าลุงคิดยังไงน่ะหรือ เรื่องเสียฤกษ์ที่เกิดขึ้นถ้าจะมีคนผิดก็น่าจะเป็นเจ้าของสถานที่ที่ไปยอมทำตามคำขอของนักธุรกิจหนุ่ม เป็นเหตุให้ฝันที่ตั้งไว้ไม่บรรเจิดร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นเพื่อนกันมันควรจะห้ามปรามทัดทานกันเพราะไม่ค่อยถูกกาลเทศะนัก จำเลยที่สองก็คือคุณโน้ตซึ่งลงไปเล่นกับเขาทั้งที่ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว น่าจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สปอนเซอร์มีอำนาจมากกว่าที่เราคิด

Q : นี่รีบถามเลยเพราะเพิ่งวางสายจากคนอีกบริษัท เขาโทรมาถามเรื่องกำหนดของเข้า ซึ่งไม่ได้เร่งด่วน รอพรุ่งนี้ก็ได้ ขณะนี้เวลาหลังสี่ทุ่มเล็กน้อย อยากรู้ว่าโทรเรื่องงานดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ทำได้ด้วยหรือ – เบ๊บ

อยากรู้ว่าโทรเรื่องงานดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ทำได้ด้วยหรือ

A : ตอบคุณเบ๊บ

สมัยลุงเพิ่งทำงานใหม่ๆ เรื่องแบบนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน เพราะตอนนั้นถึงคนไทยจะมีมือถือใช้แล้ว แต่ก็อยู่ในมือคนระดับเศรษฐีที่จะตั้งมือถืออันโตเท่ากระติกน้ำตั้งโชว์ไว้ในผับ เผื่อว่าจะมีดีลธุรกิจพันล้านโทรเข้ามา คนทำงานเป็นลูกจ้างถ้าหัวหน้ามีเรื่องด่วนต้องติดต่อลูกน้องก็ต้องกัดฟันกรอดๆ อกจะระเบิด หรือไม่ก็ต้องโทรไปจิกที่บ้านซึ่งอาจจะไม่เจอเพราะลูกน้องอาจยังไปเมาอยู่ ยังไม่กลับ นั่นเป็นฉากกรุงเทพฯ ในยุคก่อนฟองสบู่จะแตก

ตัดฉับกลับมาสมัยที่ทุกคนมีมือถือ ติดมือถือ ติดการส่งข้อความอะไรต่างๆ โดยไม่ดูเวล่ำเวลา ซึ่งจริงๆ แล้วก็ทันอกทันใจดีถ้ามีเรื่องด่วนที่ต้องตัดสินใจตอนนั้น แต่ถามว่าจำเป็นมั้ย ลุงขอบอกว่าไม่

ถามว่าลูกค้า (เดาว่าเป็นลูกค้านะครับที่โทรมาตอนสี่ทุ่ม แหม นิสัยน่ารักซะขนาดนี้) มีสิทธิจะทำอะไรแบบนี้ ลุงขอบอกว่ามี เพราะลูกค้าย่อมต้องการบริการจากเรา แต่นิสัยแบบนี้เขาเรียกนิสัยเสีย เป็นนิสัยของคนที่ทำอะไรไม่เคยคิดถึงใจคนอื่น อย่างชอบโทรไปหาชาวบ้านชาวช่องด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องตอนดึกๆ ดื่นๆ ซึ่งเป็นเวลาที่คนต้องการความเป็นส่วนตัว

ถ้ามีเรื่องด่วนจริงๆ ฝากข้อความไว้ก็พอ เพราะถ้าดูตามรูปการณ์แล้วมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ นะครับ เวลาส่วนตัวน่ะเรื่องเล็ก งานต้องมาก่อนสิ เขาแค่ฝากข้อความไว้ คุณเบ๊บค่อยโทรกลับไป คุยกันรู้เรื่อง แก้ปัญหาลุล่วง เจอกันเช้าวันรุ่งขึ้น เจอกับลูกค้า เขาก็ขอโทษขอโพยพร้อมยื่นกาแฟเย็นสตาร์บัคส์แก้วโตของโปรดให้เป็นการเอาอกเอาใจ ทุกอย่างดำเนินต่อไปด้วยดี

จบฉากในฝันเรื่อง ‘ลูกค้ามารยาทงาม’ ไว้แต่เพียงเท่านี้

Q : จะไปภูเก็ตครับ จองห้องพักที่รีสอร์ตหรู ถามลุงว่าเวลาเดินจากห้องพักไปลงสระนี่ ใส่ชุดว่ายน้ำไปเลย จะมีใครว่าอะไรไหมครับ – รงค์

จองห้องพักที่รีสอร์ตหรู ถามลุงว่าเวลาเดินจากห้องพักไปลงสระนี่ ใส่ชุดว่ายน้ำไปเลย จะมีใครว่าอะไรไหมครับ

A : ตอบคุณรงค์

ไม่มีใครว่าอะไรคุณหรอก แต่เขาจะมอง

มารยาทสากลสำหรับการใช้สระว่ายน้ำตามโรงแรมคือ จะลงมาไม่ถึงกับต้องแต่งตัวมิดชิด เพราะยังไงเราก็อยู่รีสอร์ต แต่ก็ควรนึกถึงใจลูกค้าคนอื่นด้วย เดี๋ยวนี้ผู้หญิงอาจใส่ชุดว่ายน้ำแล้วมีผ้าบางๆ พันเอวหรือคลุมไปอย่างสวย ผู้ชายก็สวมเสื้อกับกางเกงที่จะใส่ลงสระนั่นแหละ ถ้าเป็นกางเกงประเภททรังค์ แบบมีขา ดูเผินๆ คล้ายขาสั้น แต่ถ้าเป็นแนวสปีโดนี่ไม่แนะนำ เพราะจะทำให้ดูเหมือนคุณลืมใส่กางเกงออกมาจากห้อง ควรมีขาสั้นสวมทับ เล่นน้ำเสร็จ ซับตัวให้แห้งแล้วก็ห่อตัวกลับเข้าห้องพักไป ห้องใครห้องมัน

หรือจะใช้เสื้อคลุมอาบน้ำที่เขามีไว้ให้ในห้องห่อตัวลงมาก็ได้ แต่คุณจะดูเด่นมาก ฝรั่งใช้แล้วมักจะรอด แต่คนไทยจะดูแปลกๆ จนป่านนี้ก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าทำไม

*Agony Uncle หมายถึงชายเจ้าของคอลัมน์ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตทั่วไป ลุงเฮม่าตอบปัญหาในโลกยุคใหม่ที่เราทึกทักเอาเองไว้ไร้กฎเกณฑ์ แต่ถ้าโลกมันไร้กฎเกณฑ์ขนาดนั้น เราคงอยู่ร่วมกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ได้ลำบาก

** ส่งคำถามของคุณมาได้ที่ [email protected]

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save