fbpx

1 เดือนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองสยาม ฉากและชีวิตของ(คณะ)ราษฎรผ่านหนังสือพิมพ์ศรีกรุง

ประวัติศาสตร์นิพนธ์ของคณะราษฎรในทศวรรษ 2500-2530 และสารคดีการเมืองช่วงทศวรรษ 2490-2520 จากฝ่ายอนุรักษนิยม พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รวมถึงการเสนอข่าวจากหนังสือพิมพ์ฝ่ายตรงข้าม ได้เล่าประวัติศาสตร์คณะราษฎรและวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ไว้ในแง่ลบเป็นหลัก จนมาถึงปลายทศวรรษ 2540 จึงมีนักประวัติศาสตร์เสนอการตีความเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 อย่างครอบคลุมและเปิดมุมมองใหม่ถึง 4 แบบ [1]

อย่างไรก็ตาม จนถึงในปัจจุบันยังมีวาทกรรมหลักอย่างน้อย 4 ประการ ซึ่งมาจากงานศึกษาและเผยแพร่ข้างต้นที่ส่งผลให้คนจดจำภาพคณะราษฎรในทางลบ ได้แก่ การชิงสุกก่อนห่าม การเร่งรีบร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 27 มิถุนายน 2475 รัฐธรรมนูญเป็นลูกพระยาพหลฯ และราษฎรไม่ได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในข้อหลังนี้เองที่ผู้เขียนได้พบข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ศรีกรุง ว่าในช่วงหนึ่งเดือนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น ราษฎรหลายกลุ่มได้สนับสนุนคณะราษฎรหลายรูปแบบ และยังค้นพบวิธีจัดรูปแบบการปกครองและควบคุมรัฐโดยคณะราษฎรอย่างเป็นระบบซึ่งจะนำเสนอไว้ในบทความชิ้นนี้

มานิตและเภา วสุวัต ถ่ายรูปร่วมกับคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ที่บ้านศรีกรุง บางกะปิ [2] แถวหน้า (จากซ้าย) – พันเอก ทวน วิชัยขัทคะ, มานิต วสุวัต, เภา วสุวัต (หลวงกลการเจนจิต) แถวกลาง – พลเรือตรี สงวน รุจิราภา, นาวาตรี หลวงนิเทศกลกิจ, ควง อภัยวงศ์ แถวหลัง – หลวงนฤเบศร์มานิต, จอมพล ป. พิบูลสงคราม, พลโท ประยูร ภมรมนตรี, พลเรือเอก หลวงสินธุสงครามชัย

งานศึกษาคณะราษฎรแง่มุมใหม่และราษฎรในการปฏิวัติ 2475

การศึกษาเรื่องคณะราษฎรที่แตกต่างออกไปจากเดิมคือวิพากษ์สถาบันการเมืองของชนชั้นนำหรือมองคณะราษฎรในเชิงบวก เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นของทศวรรษ 2520 จากงานเชิงประวัติศาสตร์ เช่นงานศึกษาของเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่ชี้ให้เห็นว่างานศึกษาก่อนหน้านี้ที่เสนอว่ามีการร่างรัฐธรรมนูญในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นเป็นธรรมนูญการปกครองที่ไม่ได้มีลักษณะประชาธิปไตยคือ เค้าโครงรัฐธรรมนูญที่รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดให้ร่างขึ้น หรือ An Outline of Changes in the Form of the Government ฉบับของนายเรย์มอนด์ บี. สตีเวนส์ (Raymond B. Stevens) มีเนื้อหาที่จะทรงรักษาฐานะนำของกษัตริย์ในรูปแบบใหม่ หากชนชั้นนำที่เป็นที่ปรึกษาและข้าราชการตำแหน่งสูงก็ยังมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่จำกัดอำนาจของกษัตริย์มากเกินไป [3]

และงานศึกษาคณะราษฎรของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่เสนอว่ามี 4 กระบวนทัศน์ในการตีความ 24 มิถุนายน 2475 ได้แก่ “แบบที่หนึ่ง เชียร์คณะราษฎร โจมตีเจ้า แบบที่สอง เชียร์เจ้า โจมตีคณะราษฎร แบบที่สาม โจมตีทั้งเจ้า ทั้งคณะราษฎร แบบที่สี่ เชียร์ทั้งเจ้า ทั้งปรีดี (คณะราษฎร) ในปัจจุบัน” ซึ่งทั้ง 4 รูปแบบนี้ได้ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ศรีกรุงด้วย

ส่วนการเสนอว่ามีราษฎรสามัญในช่วงเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 ปรากฏครั้งแรกในงานศึกษาของนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ที่ศึกษาตั้งแต่ช่วงรัชกาลที่ 6 เป็นต้นมา โดยค้นคว้าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทฎีกาของชาวนา ใบร้องทุกข์ และข้อเสนอของชนชั้นกลางสยามที่เขียนจดหมายเล่าถึงความทุกข์ยากตามหน้าหนังสือพิมพ์ และเอก วีสกุล พ่อค้าในสมัยนั้นยังบันทึกไว้ว่าสโมสรสามัคคีจีนสยาม [4] ให้ความสนับสนุนคณะราษฎรตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2475 อาทิ “…พ.ศ.  2475 นายเต็ก โกเมศ เป็นนายก หลวงบำบัดคดี เป็นเลขานุการ และนายง่วนจั่ว ลิมทองขาว เป็นเหรัญญิก ปีนี้ได้มีการปฏิวัติและเป็นปีสำคัญในประวัติการของประเทศสยาม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ขณะที่คณะราษฎรทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะสโมสรนี้ พร้อมใจกันเรี่ยไรเงินได้หลายร้อยบาท ซื้อขนมปังและผลไม้ไปแจกบรรดาทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน ที่กระทำหน้าที่อยู่ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม..” [5]

งานศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับราษฎรสามัญในการปฏิวัติ 2475 คืองานของศราวุฒิ วิสาพรหม ที่ชี้ให้เห็นภาพของ 2 กลุ่มที่สนับสนุนคณะราษฎร คือ ข้าราชการ เช่น ข้าราชการจากมณฑลราชบุรีและจากอยุธยา ขุนศิธรภูมาธิการ นายอำเภอท่าเรือ ที่ได้รับเงินเดือนเดือนละ 150 บาท มีความประสงค์ที่จะมอบเงินให้แก่คณะราษฎรทุกเดือนเดือนละ 20 บาท และพ่อค้าทั้งชาวจีน ชาวตะวันตก และชาวไทย รวมทั้งสื่อวิทยุ [6] และหนังสือพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ไทยใหม่ ฉบับวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475  ที่นำ ‘ประกาศของคณะราษฎร’ มาตีพิมพ์ในหน้าแรกอย่างทันควัน นอกจากนี้ยังมีชาวจีนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองก้าวหน้า เช่น นายเซียวฮุดเสง ก็ส่งสารมาแสดงความยินดีในการปฏิวัติครั้งนี้ต่อรัชกาลที่ 7 อีกด้วย

หนังสือพิมพ์ไทยใหม่ ฉบับวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
นายทหารเรืออ่านประกาศคณะราษฎรให้พระภิกษุสามเณรฟัง ภาพจากหนังสือพิมพ์ศรีกรุง วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475

และในงานวิชาการชิ้นล่าสุดที่ศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 คืองานของ Arjun Subrahmanyan ซึ่งเน้นศึกษาเรื่องอุดมคติประชาธิปไตยในทศวรรษ 2470 จากราษฎรกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนคณะราษฎรทั้งได้รับผลดีหรือไม่ได้รับผลประโยชน์เท่าที่ควรจากการก่อการครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับล่าง พระภิกษุ ชนชั้นนายทุนในชนบท ทนายความ ครู ที่เดิมไม่อาจมีบทบาททางสังคมการเมืองได้มากนักเนื่องจากระบอบเดิมปกครองโดยรวมศูนย์อำนาจ แต่ระบอบใหม่ของคณะราษฎรมีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและราษฎรสามัญที่ไม่ใช่แค่ชนชั้นนำหรือข้าราชการระดับบนเท่านั้น

ข้อเสนอของ Subrahmanyan ที่แตกต่างจากงานของนครินทร์และศราวุฒิ คือชี้ว่าแนวความคิดเกี่ยวกับปัจเจกบุคคลสมัยใหม่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมักผูกติดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และผู้ชายไทยมากกว่าผู้ชายเชื้อชาติจีน ดังนั้นผู้หญิงและผู้ชายเชื้อจีนในทัศนะของเขานั้นยังไม่ได้ยอมรับในสมัยนี้ [7] และยังเน้นศึกษาเรื่องประชาธิปไตยแบบพุทธในการปฏิวัติ 2475 กับบทบาทของพระสงฆ์ไว้อีกด้วย [8]

‘ศรีกรุง’ ฉากและชีวิตของหนังสือพิมพ์จากระบอบเก่าสู่ระบอบใหม่

ศรีกรุง ตีพิมพ์ฉบับปฐมฤกษ์เมื่อ พ.ศ. 2469 ในช่วงแรกมีผู้ดำเนินงานส่วนใหญ่เป็นสมาชิกคณะ ร.ศ. 130 เช่น ร้อยตรีเนตร พูนวิวัฒน์ ร้อยตรีบ๋วย บุณยรัตพันธุ์ และร้อยตรีโกย วรรณกุล เป็นต้น ศรีกรุงค่อนข้างได้รับความนิยมจากผู้อ่านเนื่องจากมีทั้งบทความวิพากษ์การปกครองบ้านเมือง รายงานข่าวทั่วไป นิยายรัก และนิยายสะท้อนสังคม ปกติมียอดตีพิมพ์ประมาณ 3,000 ฉบับ แม้จะตีพิมพ์ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์แต่ภาพรวมของเนื้อหามีลักษณะเสรีนิยมจึงส่งผลให้ศรีกรุงเป็นหนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียวที่ถูกปิดในสมัยรัชกาลที่ 7 ส่งผลให้มานิต วสุวัต เจ้าของหนังสือพิมพ์ขณะนั้นต้องเข้าพบเจ้าหน้าที่ในกระทรวงมหาดไทยเพื่อทำความเข้าใจและเปิดทำการหนังสือพิมพ์ได้อีกครั้ง [9]

1 ปีก่อนการปฏิวัติ 2475 ร้อยตรีเนตร พูนวิวัฒน์ ได้กล่าวถึงบทบาทของศรีกรุงในการสนับสนุนคณะราษฎรไว้ว่า

“…ปลาย พ.ศ. 2474 ใกล้จะเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยท่านเจ้าคุณพหลฯ เป็นผู้นำคณะราษฎรอยู่แล้ว ซึ่งเกี่ยวกับข้าพเจ้าโดยตรง คือระหว่างนั้นกำลังเตรียมการจะเปิดสะพานพระพุทธยอดฟ้าในเดือนเมษายน พ.ศ. 2475…ได้มีข่าวการปฏิวัติกระชั้นขึ้นทุกที คณะ ร.ศ. 130 ก็ตกอยู่ในข่าวสงสัยของรัฐบาลสมัยนั้น…

“เวลานั้นศรีกรุงกำลังโหมโรงโดยได้รับหน้าที่เป็นออร์แกน (organ) ของคณะราษฎรอยู่แทบตลอดเวลา หากคราวใดแสดงความเห็นและภาพรุนแรงจนรัฐบาลหรือราชบัลลังก์สั่น และพอเจ้าของโรงพิมพ์ได้รับคำตักเตือนมาจากบุคคลชั้นสูง ศรีกรุงก็เพลามือไปชั่วขณะ แล้วก็ค่อยๆ แรงขึ้นๆ ต่อไปอีกใหม่…จนมีบางคนในคณะราษฎรชั้นหัวหน้าไม่เข้าใจในศรีกรุงแน่นอน…ข้าพเจ้าเล็งถึงผลเลิศในวันข้างหน้ามากกว่าจะปล่อยให้ศรีกรุงถูกทำลายลงกลางคัน…” [10]

เมื่อก่อการสำเร็จลง บทบาทของศรีกรุงก็มีท่าทีชัดเจนขึ้นด้วยการนำเสนอข่าวคณะราษฎรรายวัน ตีพิมพ์ประวัติของคณะราษฎรคนสำคัญ และตีพิมพ์ภาพเหตุการณ์ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 อย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวก็ตีพิมพ์จดหมายและข้อเขียนที่วิจารณ์คณะราษฎร บทความที่ชื่นชมทั้งสถาบันกษัตริย์และคณะราษฎร บทความของนักเขียนคณะสุภาพบุรุษที่เป็นพันธมิตรกับคณะราษฎร อย่างกุหลาบ สายประดิษฐ์ ก็มาเปิดตัวที่นี่เป็นที่แรกๆ ว่าสนับสนุนแนวคิดเรื่องความเสมอภาคและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคณะราษฎร ศรีกรุงหลังการปฏิวัติ 2475 จึงเป็นหนังสือพิมพ์ที่เปิดพื้นที่แก่ทุกฝ่ายความคิดไม่ว่าจะชื่นชมหรือวิพากษ์คณะราษฎร

หนึ่งเดือนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองสยามใน ‘ศรีกรุง’

การสนับสนุนคณะราษฎร การเผยแพร่ระบอบรัฐธรรมนูญ และการจัดรูปแบบการปกครองในช่วงหนึ่งเดือน จากหนังสือพิมพ์ยังไม่ค่อยมีการเล่าถึงกันมาก และหนังสือพิมพ์ศรีกรุงเป็นฉบับสำคัญที่ทำให้เห็นว่ามีการสนับสนุนของคนธรรมดา นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า และข้าราชการ รวมทั้งแนวร่วมของคณะราษฎรที่เผยตนอย่างเช่นกุหลาบ สายประดิษฐ์ และเซียวฮุดเสง สีบุญเรือง นอกจากนี้ยังนำเสนอนโยบายของคณะราษฎรที่จัดระบบการปกครองและแนวคิดรัฐธรรมนูญในเบื้องต้นตามต่างจังหวัดไว้ด้วย โดยผู้เขียนขอคงตัวสะกดจากหนังสือพิมพ์ศรีกรุงไว้ ดังนี้

การสนับสนุนคณะราษฎรของสามัญชน

การสนับสนุนคณะราษฎรจากกลุ่มคนหลากหลาย เริ่มปรากฏในหนังสือพิมพ์ศรีกรุงตั้งแต่ ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ลงข่าวเรื่อง ‘ช่วยคณราษฎร ที่ ๔_๕ กรกฎาคม ๗๕’ ลงข่าวว่ามีผู้ให้ของคณะราษฎร 16 ราย สิ่งของที่มอบให้คณะราษฎรครั้งแรกนี้มักจะเป็นอุปกรณ์สำนักงาน พระพุทธรูป กับอาหาร และน้ำแข็งที่มีราคาแพงในสมัยนั้น ตัวอย่างเช่น

“๑. อู่สนิทผ่านฟ้า รถยนตร์โดยสาร ๑ คัน รับใช้ทุกวัน ๒. โรงน้ำแข็งตันซุ่นฮั้ว นายเสงี่ยม แซ่ตัน น้ำแข็ง ๕๐๐ ปอนด์ น้ำหวาน ๒ โหล ๓. เอส.วี.บราเดอร์ รถยนตร์บรรทุกรับส่งทหาร ๑ คัน ๑ วัน ๔. เด็กหญิงสมใจ ณ ป้อมเพ็ชร์ เลี้ยงเครื่องว่างกลางวัน ๑ วัน…๘. ส.อ. เงิน ปานใย ส.ท.ศิริ สังข์พิชัย พลทหารสงัด อากายี กรมทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ น้ำหวานต่าง ๆ รวมกัน ๒๔๐ ขวด…๑๐. คณครู ร.ร. พาณิชยการวัดสามพระยาเปนผู้ออกเงิน คณฝึกหัดครู ร.ร. เพ็ชรบุรีวิทยาลัย เปนผู้ลงแรงทำขนมจีน ๑๕๖ ห่อ ๑๑. ไตรโปรมศิลป์ ช่างเขียนตำบลสำราญราษฎร์ พระนคร ขนมปังกรอบ ๑๐๐๑ ห่อ กับช่วยเขียนป้ายตามประสงค์ของคณราษฎรที่ต้องการ…๑๔. นายผัน พลางกูร ตรอกพระยาไกร เครื่องเขียนเงิน ๑ เครื่อง ตราทองแดงแกะว่า “สภาราษฎร” รับวันที่ // ๒ ตรา ๑๕. พระศรีพัฒนากร กระทรวงมหาดไทย พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ๑ องค์ ๑๖. คณครูและ น.ร. เบ็ญจมบพิตร เงิน ๓๖ บาท ๖๐ สตางค์[11]

หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม 2475

และในศรีกรุงฉบับวันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ลงข่าวอีกครั้งว่ามีผู้ให้ของคณะราษฎร 25 ราย จำนวนเพิ่มขึ้น มีทั้งรายเดิม และอาชีพหลากหลายขึ้น ตั้งแต่พ่อค้า แม่ค้า และชนชั้นกลาง และสิ่งของที่มอบให้คณะราษฎร ในครั้งนี้มักจะเป็นอาหาร ผลไม้ น้ำแข็ง และยังมอบยา บุหรี่ พระพุทธรูป รวมทั้งพิมพ์ดีด และอำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่คณะราษฎรด้วยเรือเร็วเพื่อส่งหนังสือต่างๆ ตัวอย่างเช่น

“ผู้ให้ของคณราษฎร  ๑. นายชาย ตฤษนานนท์ ช่วยน้ำแข็ง ๑๐๐ ปอนด์ ๒. นายเป้า ชินพานิช นางจู ชินพานิช นางสาวมาลัย ชินพานิช ให้ลิ้นจี่ดอง ๔๐ ไห ลิ้นจี่สด ๑ ปี๊บ…๖. นายเทียนเลี้ยง กรรณสูตร ห้างสุพรรณพานิช ให้หีรูปแบตเตอรีสำหรับใส่บุหรี่ 2 โหล และสมุดพก ๒ โหล ๗. นายชิต นภาศัพท์ ยานัตถ์หมอชิต ๕๐๐ ขวด กล้องเป่ายา ๔๕๐ อัน…๙. พระพิพัฒน์วรรณกิจ บุหรี่การิค ๒ กระป๋อง บุหรี่ไพ่ป็อก ๑๗ กระป๋อง…๑๑. ห้างบาโรเบราน์ ยินดีรับซ่อมรถยนตร์มอริสที่ซื้อจากห้าง ซึ่งใช้ชำรุดในคราวนี้…๑๔. นาย เอฟ. เอ. พีเบอร์สัน โรงน้ำแข็งสีลม น้ำแข็ง ๕๐๐ ปอนด์…๑๘. บริษัท สุพรรณพานิช ช่วยเรือเร็วสำหรับเดิรหนังสือไปจังหวัดพระประแดงทั้งไปและกลับ ๑๙. นายเส็ง เบ๊ยู่เส็ง ตำบลเวิ๊งนครเกษม ช่วยเงิน ๕ บาท ๒๐. พระพิพิธสาลี บ้านปากคลอง วัดดาวดึงส์…ได้มอบพิมพ์ดีดสมิทพรีเมีย ราคา ๑๐๐ บาท ๑ เครื่อง กับพระพุทธรูปทองคำหน้าตักกว้าง ๙ ม.ม. สูง ๑๕ ม.ม. ๗ องค์ ๒๑. บริษัทแมดฟาแลนด์พิมพดีด จำกัด ได้มอบเครื่องพิมพ์ดีดเรมิงตันขนาดใหญ่อักษรไทย ๑ เครื่อง อักษรฝรั่งเศส ๑ เครื่อง…๒๔. นายมังกร สามเสน เข้าห่อ ๑๐๐ ห่อ…” [12]

การสนับสนุนของราษฎรรูปแบบที่สองคือ สมัครเป็นสมาชิกคณะราษฎรที่แรกเปิดรับมีการประกาศในหนังสือพิมพ์ศรีกรุง

ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 [13] และสมาคมคณะราษฎรยังให้ความสำคัญต่อการสมัครสมาชิกของสตรีซึ่งสะท้อนให้เห็นความตื่นตัวทางการเมืองของสตรีไทยครั้งแรกโดยงานศึกษาก่อนหน้านี้มักจะเน้นเสนอเรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้แทนราษฎรของสตรีที่เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2476 [14] สตรีที่มาสมัครสมาชิกฯ เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่มีอาชีพพยาบาล ทำงานในโรงพิมพ์ และนักเรียน

สตรีไทยแสดงความกล้าหาญทวีมากขึ้นเปนลำดับล้วนแต่นางสาว

นับตั้งแต่คณราษฎรได้ประกาศรับสมาชิกคณราษฎร…แม้จะปรากฏว่าผู้สมัครโดยมากล้วนแต่บุรุษก็ดี กระนั้น สมาคมนี้ก็หาได้ปิดโอกาสสำหรับสตรีที่มีน้ำใจรักชาติ…เราจึงได้ข่าวว่าในเวลานี้มาสตรียื่นใบสมัครเปนสมาชิกของสมาคมคณราษฎรอยู่มิเว้นแต่ละวัน

ดังปรากฏว่าวานนี้มีสตรียื่นใบสมัครใหม่อีก 4 คน คือ นางสาวล้วน แก้วผลึก อายุ 21 อยู่บ้านเลขที่…ถนนนามบัญญัติข้างวัดมงกุฏกษัตริย์ ทำงานอยู่ที่โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์เสนาศึกษา กับนางสาวสังวาลย์ วามิศร์ อายุ 30 ปี นางพยาบาลประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นางสาวพจน์ จุลมกร อายุ 27 ปี เปนพยาบาลประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นางสาวอรุณ ทักกะยานนท์ อายุ 30 ปี เปนนางพยาบาลประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สตรีผู้สมัครเหล่านี้คณราษฎรได้รับไว้พิจารณาทุกคน” [15]

 

“สมาคมคณราษฎรมีสตรีเข้าสมัครอีก 2 คน

เมื่อวันที่ 6 เดือนนี้(กรกฎาคม 2475-ผู้เขียน) นางสาวเจียน ศรีทองคำ อายุ 28 ปี กับนางสาวเพิ่น ปีตะนีละผลิน อายุ 26 ปี ซึ่งเปนนางพยาบาลประจำการอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ยื่นความจำนงต่อคณราษฎรขอสมัครเข้าเปนสมาชิกแห่งสมาคมคณะราษฎรต่อไป ทั้งนี้คณราษฎรได้รับความจำนงของสองนางสาวไว้แล้วเพื่อพิจารณาต่อไป” [16]

 

“นักเรียนหญิงที่สมัครเปนสมาชิกคณราษฎร

นางสาวศรีละออ ธรรมาทฤษณี อายุ 16 ปี นักเรียนในโรงเรียนสงวนศรี ชั้นมัธยมปีที่ 5 เปนบุตรหลวงประจงคดี ทนายความบ้านข้างหอทะเบียนที่ดิน จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ยื่นใบสมัครต่อคณราษฎร ขอสมัครเปนสมาชิกสมาคมราษฎร เจ้าหน้าที่รับลงชื่อไว้พิจารณาแล้ว” [17]

วิธีการดำเนินงานของคณะราษฎร: การเผยแพร่ระบอบใหม่และธรรมนูญการปกครอง

วิธีดำเนินงานจัดระเบียบการปกครองใหม่ [18] และการเผยแพร่หลักธรรมนูญการปกครอง ฉบับ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 กับหลัก 6 ประการ คืองานเร่งด่วนของคณะราษฎรที่เน้นการเผยแพร่ไปยังนักเรียน นักศึกษา ครู โดยให้ผู้แทนจากคณะราษฎร เช่น สงวน ตุลารักษ์ [19] และข้าราชการระดับสูงเป็นผู้ดำเนินการ

“ผู้แทนคณราษฎรแสดงปาฐกถาถึงวิธีดำเนิรการของคณแก่นักเรียนบ้านสมเด็จ 

เมื่อวันที่ 4 เดือนนี้ นายสงวน ตุลารักษ์ ผู้แทนคณราษฎร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่คณราษฎรอีกบางนาย ได้ไปเยี่ยมโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และได้แจ้งความประสงค์ต่อพระยาวิเศษศกวัตร์อาจารย์ใหญ่ ว่าจะแสดงปาฐกถาเกี่ยวด้วยระเบียบการปกครองของรัฐบาลใหม่…ต่อจากนั้นนายสงวน ก็ได้เริ่มแสดงปาฐกถามีใจความสำคัญแสดงถึงความประสงค์ของคณที่ได้กระทำไปและกิจการที่คณจะได้กระทำต่อไปข้างหน้าและอธิบายถึงหลักธรรมนูญการปกครองบางข้อที่สำคัญ ๆ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจในวิธีดำเนิรการโดยแจ่มแจ้ง ตั้งแต่เวลา 11 น. ตลอดถึง 12 น. เศษ จึงเสร็จการแสดง…” [20]

ภารกิจที่สำคัญของคณะราษฎรนอกจากการเผยแพร่ระบอบใหม่แล้ว คือเร่งแจ้งต่อข้าราชการส่วนงานปกครองทั้งผู้ว่าราชการ และนายอำเภอทุกจังหวัดให้ทราบถึงระเบียบของระบอบใหม่เพื่อไม่ให้ข้าราชการตื่นตระหนกว่าตนเองต้องถูกยึดตำแหน่งหรือปลดออกภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ [21] จ.เชียงใหม่ ทางคณะราษฎรได้ส่งพระยาสุริยานุวัตร เดินทางไปชี้แจงแก่เจ้านายในมณฑลพายัพเรื่องเปลี่ยนแปลงการปกครองเพราะเจ้านายต่างตกใจและกลัวว่าจะถูกยึดทรัพย์ [22]

หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ฉบับวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 หน้า 9

ตัวอย่างเช่นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการประชุมกรมการอำเภอตามระเบียบวาระเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 หลังจากที่กล่าวถึงงานตามหน้าที่เสร็จสิ้น ทางหม่อมเจ้าทองเติม ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้มีรับสั่งต่อกรมการอำเภอเรื่องเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศสยามใหม่ มีใจความว่า

ตามที่รัฐบาลจัดตั้งธรรมนูญการปกครองเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ได้ทราบว่าพวกราษฎรได้พากันเล่าลือต่างๆ นาๆ ซึ่งเกรงว่าอาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันขึ้นมาได้ ฉะนั้นขอให้กรมการอำเภอจงเรียกประชุมราษฎรและชี้แจงกันให้เปนที่เข้าใจเสียให้ตรงต่อความจริง…”

สรุปหัวใจของการเปลี่ยนแปลงการปกครองสยามของหม่อมเจ้าทองเติมคือ คณะราษฎรต้องการให้สยามเจริญรุ่งเรืองทัดเทียบกับประเทศอื่น และให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกันทั้งการแสดงความคิดที่มีประโยชน์ และเพื่อให้ราษฎรมีช่องทางประกอบอาชีพรวมทั้งจะมีการลดหย่อนภาษีบางประเภท ที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้ตรงตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ [23] จะเห็นได้ว่าทัศนะของหม่อมเจ้าทองเติมเป็นรูปแบบที่เชียร์ทั้งเจ้าและคณะราษฎร

ราว 1 ปี ถัดมา ทางคณะราษฎรได้ใช้วิธีการเผยแพร่รัฐธรรมนูญด้วยจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ จัดตั้งสมาคมรัฐธรรมนูญ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับจำลอง และการพิมพ์ตัวบทรัฐธรรมนูญส่งไปยังจังหวัดต่างๆ อย่างเป็นระบบและกุศโลบายหลายรูปแบบเพื่อให้รัฐธรรมนูญมีความสำคัญเสมอกับสถาบันพระมหากษัตริย์

กุหลาบ สายประดิษฐ์ แนวร่วมคณะราษฎร

กุหลาบ สายประดิษฐ์ แสดงตนเป็นแนวร่วมคณะราษฎรผ่านข้อเขียนในหนังสือพิมพ์ศรีกรุง ฉบับวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 อย่างเด่นชัดในบทความเรื่อง ชาติกำเนิดไม่ใช่สมรรถภาพของคน พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้ยึดบุคคลเปนหลัก พระราชวงศ์ อาจมีทั้งที่ฉลาดและโง่ [24] โดยกล่าวถึงความเสมอภาคและศักดิ์ความเป็นมนุษย์ผ่านชาติกำเนิดรวมทั้งวิจารณ์ชนชั้นนำไว้ว่า

“…การที่ข้าพเจ้ากล่าวความว่า ชาติกำเนิดมิใช่องค์วุฑฒิสำคัญในตัวบุคคล ข้าพเจ้ามิได้ตั้งใจจะลบหลู่พระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์แห่งราชวงศ์ใด ๆ ที่ได้มีอยู่กับประเทศสยาม…

ข้าพเจ้าเพียงแต่ตั้งใจจะแสดงให้คนทั้งปวงตระหนักในความจริงว่า ชาติกำเนิดมิได้เปนเครื่องวัดความดีความชั่วตามความสามารถ และไม่สามารถของบุคคล ชาติกำเนิดเปนแต่เครื่องหมายแสดงให้เห็นเพียงชาติกำเนิด…มิได้แสดงอะไรมากไปกว่านั้น…ชาติกำเนิดมิใช่มหาวิทยาลัยซึ่งมีสิทธิ์จะออกประกาศนียบัตรรับรองความเป็นบาปมุติของบุคคล…ชาติกำเนิดทำทีจะมีสิทธิอยู่บ้างในทางจารีตประเพณี แต่ในทางของความจริงแล้วชาติกำเนิดมิได้มีสิทธิเลย และสิ่งใดที่ดำเนิรไปโดยขัดกับความเปนจริง สิ่งนั้นย่อมขาดความบริสุทธิ์และจะยั่งยืนสืบไปมิได้…”

ภาพจากหนังสือพิมพ์ศรีกรุง วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2475

หนึ่งเดือนภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองสยาม หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ได้เสนอภาพลักษณ์ของคณะราษฎรในเชิงบวกรวมทั้งเสนอข้อมูล และข้อแก้ต่างที่มีประชาชนส่งจดหมายวิจารณ์ให้แก่คณะราษฎรและศรีกรุง ทั้งยังเป็นสื่อกลางที่เสนอข้อเรียกร้องของประชาชนแก่คณะราษฎร เช่น ให้สภาฯ จัดทำบันทึกย่อการประชุมสภาฯ ในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ แล้วนำมาเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ ดังนี้ศรีกรุงจึงไม่ใช่เป็นเพียงหนังสือพิมพ์ที่สนับสนุนคณะราษฎรเท่านั้นแต่ยังสนับสนุนราษฎรสามัญอีกด้วย 


อ้างอิงเพิ่มเติม

– หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. สร. 0201.16/21 เอกสารสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง คำสั่งผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร คราวเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2475)

ศรีกรุง ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน 2475 และฉบับวันที่ 6-10,13, 27-30 กรกฎาคม 2475

– กษิดิศ อนันทนาธร, บรรณาธิการ, ปรีดีบรรณานุสรณ์ 2565: บางเรื่องเกี่ยวกับคณะราษฎร 2475, (กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2565) 

– ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, 2475 และ 1 ปีหลังการปฏิวัติ, (กรุงเทพฯ : สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543)

– เบนจามิน เอ. บัทสัน, อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม, บรรณาธิการแปลโดย พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส ขันติวรพงศ์, ศศิธร รัชนี ณ อยุธยา,  (กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, 2560)

– ปรีดี พนมยงค์, คณะราษฎรกับการอภิวัฒน์ประชาธิปไตย 24 มิถุนายน ความเป็นมาของศัพท์ไทย “ปฏิวัติ, รัฐประหาร, วิวัฒน์, อภิวัฒน์”, (กรุงเทพฯ มูลนิธิเด็ก, 2542)

– ศรัญญู เทพสงเคราะห์, ราษฎรธิปไตย : การเมือง อำนาจ และทรงจำของ(คณะ)ราษฎร,(กรุงเทพฯ : มติชน, 2562)

– นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, “คำอธิบายของปัญญาชนฝ่ายที่สนับสนุนกับฝ่ายที่ต่อต้านการปฏิวัติสยาม 2475”, วารสารสถาบันพระปกเกล้า, 2: 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2547): 24-46.

References
1 สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล. (17 มิถุนายน 2549),  24 มิถุนา: การตีความ 4 แบบ.
2 ภาพนี้เกิดขึ้นในช่วงการภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475 ที่ถ่ายทำโดยพี่น้องตระกูลวสุวัต แห่งบริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง ดูเพิ่มเติมที่ หนังไทยในอดีต หนังเงียบวันปฏิวัติ โดย ขุนวิจิตรมาตรา
3 เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, “ความจำเป็นทางประวัติศาสตร์ของการเคลื่อนไหวของ 24 มิถุนายน 2475”, วารสารธรรมศาสตร์ 11, 2 (มิ.ย. 2525): 65-66.
4 เรื่องเซียวฮุดเสง สีบุญเรือง โปรดดูเพิ่มเติมที่ มูราชิมา, เออิจิ, การเมืองจีนสยาม การเคลื่อนไหวทางการเมืองของชาวจีนโพ้นทะเล ในประเทศไทย ค.ศ. 1926-1941, บรรณาธิการแปลโดย วรศักดิ์ มหัทธโนบล, (กรุงเทพฯ: ศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539) และเพ็ญพิสุทธิ์ อินทรภิรมย์, “บทบาทและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเซียวฮุดเสง พ.ศ. 2450-2474,” (วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544)
5 เอก วีสกุล, “ประวัติย่อสโมสรจีนสยามจีนางกูร สโมสรสามัคคีจีนสยาม กรุงเทพฯ นันทาสมาคม.” ใน สหมิตรรำลึก. พิมพ์แจกในงานฌาปนกิจศพ นายเฉลิม ปึงตระกูล วันที่ 27 ธันวาคม 2505, (พระนคร: สโมสรสหมิตร, 2505) อ้างใน นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475, (กรุงเทพฯ : ฟ้าเดียวกัน, 2553), หน้า 153.
6 ศราวุฒิ วิสาพรหม, ราษฎรสามัญหลังวันปฏิวัติ 2475, (กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม, 2559), หน้า 39-41.
7 Arjun Subrahmanyan, Amnesia: a history of democratic idealism in modern Thailand, (NewYork : State University of New York,  2021), pp. 6-7
8 Ibid, 153-157.
9 สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ, สยามพิมพการ ประวัติศาสตร์การพิมพ์ในประเทศไทย พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: มติชน, 2565), น.191-199.
10 เสมียนอารีย์. (24 มิถุนายน 2565), “ศรีกรุง” ออร์แกนของคณะราษฎร หนังสือพิมพ์ที่ช่วยโหมโรงการปฏิวัติ 2475. 
11 ศรีกรุง, วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 7.
12 ศรีกรุง, วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 3.
13 ศรีกรุง, วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475, หน้า 8.
14 โปรดดูเพิ่มเติม ภูริ ฟูวงศ์เจริญ, รายงานวิจัย เรื่อง การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกของสยาม: บ่อเกิด โครงสร้างเชิงสถาบัน และปฏิกิริยาทางสังคม, (กรุงเทพฯ: พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สถาบันพระปกเกล้า, 2564)
15 ศรีกรุง, วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 9.
16 ศรีกรุง, วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 16.
17 ศรีกรุง, วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 9.
18 โปรดดูเพิ่มเติมที่ เฮง สถิตถาวร, 150 ปี วิธีดำเนิรการของคณะราษฎร เล่ม 2, (พระนคร: โรงพิมพ์สิริชัย, 2475)
19 โปรดดูเพิ่มเติม ธีรัชย์ พูลท้วม, ประวัติคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475, ดร. เจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี จัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายธีรัชย์ พูลท้วม เป็นกรณีพิเศษ ณ ฌาปนสถานคุรุสภา วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร 11 มีนาคม 2539, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมิก จำกัด, 2539)
20 ศรีกรุง วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 9.
21 ศรีกรุง วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 16.
22 ศราวุฒิ วิสาพรหม, ราษฎรสามัญหลังวันปฏิวัติ 2475, (กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม, 2559), หน้า 41.
23 ศรีกรุง วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 9.
24 ศรีกรุง วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2475, หน้า 1, 5.

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

Thai Politics

20 Jan 2023

“ฉันนี่แหละรอยัลลิสต์ตัวจริง” ความหวังดีจาก ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ ถึงสถาบันกษัตริย์ไทย ในยุคสมัยการเมืองไร้เพดาน

101 คุยกับ ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ ถึงภูมิทัศน์การเมืองไทย การเลือกตั้งหลังผ่านปรากฏการณ์ ‘ทะลุเพดาน’ และอนาคตของสถาบันกษัตริย์ไทยในสายตา ‘รอยัลลิสต์ตัวจริง’

ภาวรรณ ธนาเลิศสมบูรณ์

20 Jan 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save