‘duty to the very end’ หรือ ‘การทำหน้าที่จนถึงวาระสุดท้าย’ คือคำกล่าวของสื่อต่างประเทศที่บอกถึงบทบาทของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก่อนทรงสวรรคตที่ปราสาทบัลมอรัล สกอตแลนด์ ในวันที่ 9 กันยายน เพียง 3 วัน หลังทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่าง ลิซ ทรัส (Lizz Truss)
ที่สำคัญ ปีนี้ยังมีการเฉลิมฉลองการครองราชย์สมบัติครบ 70 ปี (The Queen Platinum Jubilee)ในฐานะกษัตริย์ที่อยู่บนบัลลังก์นานที่สุดในราชวงศ์อังกฤษ ควีนพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ทรงสร้างพลังและความมั่นคงให้สถาบันกษัตริย์อังกฤษแข็งแกร่งและดำรงอยู่ภายใต้ความผันผวนของโลกสมัยใหม่ ด้วยการปรับตัวเข้ากับบริบทและความคิดสังคมที่เปลี่ยนแปลงในช่วงศตวรรษที่ 20 มาจนถึงศตวรรษที่ 21
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือการพาสถาบันกษัตริย์เข้าไปอยู่กับ ‘ป๊อปคัลเจอร์’ และวางบทบาทเป็น ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ จนเรียกรายได้ทางเศรษฐกิจและความนิยมให้กับสหราชอาณาจักร โดยไม่นานมานี้ เอลิซาเบธ รีไจนา (Elizabeth Regina) ก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองจนถึงวาระสุดท้ายร่วมกับหมีแพดดิงตันในคลิปจิบน้ำชาที่กลายเป็นไวรัลทั่วโลกออนไลน์
101 In Focus สัปดาห์นี้ ชวนย้อนดูเหตุการณ์สำคัญของราชวงศ์อังกฤษที่เกิดขึ้นในปีแห่ง Platinum Jubilee ซึ่งทำให้เห็นบทบาทของควีนในการปรับตัวให้ราชวงศ์ก้าวสู่สังคมสมัยใหม่ ไม่ว่าจะการจัดการข่าวอื้อฉาว การสื่อสารทางการเมืองโดยอ้อม หรือการสร้างความประทับใจให้ผู้คนผ่านเรื่องราวสนุกๆ ที่คนคุ้นเคย
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่
คดีอื้อฉาวข้ามทวีปของเจ้าชายแอนดรูว์ ทอดเงาหมองให้กับพิธีมงคลสมโภช Platinum Jubilee
เมื่อคลิปจิบน้ำชาของควีนเอลิซาเบธและหมีอพยพจากเปรูสวนทางนโยบายผู้ลี้ภัยของรัฐบาลอังกฤษ
เมื่อซอฟต์พาวเวอร์ ‘ราชวงศ์วินด์เซอร์’ แผ่ว จนมิอาจต่อสายใยบางประเทศในเครือจักรภพ
ผู้ดำเนินรายการ: สมคิด พุทธศรี
